อาหารที่ได้รับการยืนยันจากกองทุนวิจัยโรคมะเร็งของโลก และสถาบันวิจัยโรคมะเร็งแห่งประเทศอเมริกา (World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research หรือ WCRF/AICR) ยืนยันว่าการทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก เช่น โฮลเกรน ผัก ผลไม้ และถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเลนทิล และจำกัดการทานเนื้อแดง และเนื้อแปรรูป (น้อยกว่า 18 ออนซ์ หรือ 510 กรัมต่อสัปดาห์) รวมถึงลดการทานอาหารแปรรูป เครื่องดื่มน้ำตาล (หรือรสหวานด้วยส่วนประกอบอื่นๆ) สูง และแอลกอฮอล์
นักวิจัยทำการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างนิสัยการทานอาหาร และสุขภาพจากคนสุขภาพดีไม่ป่วยโรคมะเร็งจำนวณ 42,000 คน อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ในเวลา 8 ปี ทุกๆ 6 เดือนคนจะต้องเก็บข้อมูลการทานอาหาร และเครื่องดื่มทุกอย่างที่ทานตลอดทั้งวันอย่างละเอียด ทั้งสิ่งที่ทาน จำนวน ขนาด เวลาที่ทาน รวมถึงอาหารที่ทานร่วมกับคนอื่น หรืออาหารที่ทานระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์
นักวิจัยเปรียบเทียบข้อมูลการทานอาหารของคนจำนวนมาก แล้วพบว่าคนที่ทานตามหลักที่ทางสถาบันโรคมะเร็งกำหนดเอาไว้ตามด้านบน มีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลดลงกว่า 12% และสามารถเจาะจงได้อย่างชัดเจนว่าการทานอาหารดังกล่าวสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลว่า การงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเหตุสำคัญที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ เพราะยิ่งดื่มก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมทำตามคำแนะนำที่นักวิจัยบอกกันด้วยล่ะ สรุปให้สั้นๆ ดังนี้
- ทานพืชเป็นหลัก ทั้งผัก ผลไม้ โฮลเกรน และถั่วต่างๆ
- จำกัดปริมาณในการทานเนื้อแดง เช่น วัว แพะ แกะ และเนื้อแปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก โบโลน่า เบคอน ให้ทานเพียง 510 กรัมต่อสัปดาห์
- ลดการทานอาหารแปรรูปทุกชนิด
- ลดการดื่มเครื่องดื่มน้ำตาลสูง หรือมีส่วนผสมที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ (รวมถึงสูบบุหรี่)