ถ้าท่านผู้อ่านได้ติดตามเพจดร. พิทักษ์ตับเป็นประจำ น่าจะทราบว่ากาแฟนั้นดีต่อตับและระบบทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการลดการอักเสบของตับ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ และอาจจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาอัพเดตประโยชน์จาก #กาแฟดำ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยติดเชื้อ #ไวรัสตับอักเสบบี #ไวรัสตับอักเสบซี และ #ผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ (NAFLD) กันค่ะ
จากการศึกษาในประเทศออสเตรเลีย ในผู้ป่วยโรคตับ 1018 คน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี และผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยประเมินจากการวัดความยืดหยุ่นของตับด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (fibroscan) ซึ่งสามารถวัดได้โดยการส่งผ่านคลื่นเสียงความถี่ต่ำเข้าไปในตับ และแปลผลตามค่าที่ได้ ซึ่งค่าที่ได้มากหมายความว่าเนื้อตับมีพังผืดมากตามมา จากนั้นเปรียบเทียบผลของค่าดังกล่าว ก่อนและหลังการได้รับชาหรือกาแฟ
ผลจากการศึกษาพบว่า #ผู้ป่วยโรคตับที่ดื่มกาแฟเฉลี่ย 2 แก้ว หรือมากกว่า 2 แก้วต่อวัน #มีค่าพังผืดในตับลดลง โดยสามารถลดค่าพังผืดในตับของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีได้มากกว่าในผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี และผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่ผลดังกล่าวไม่เกิดกับผู้ที่ดื่มชา ดูเหมือนว่ากาแฟจะช่วยลดการเกิดพังผืด ตับแข็ง และลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งตับได้อีกครั้ง
ทราบอย่างนี้แล้ว…การดื่มกาแฟเป็นประจำสามารถดื่มได้โดยไม่เป็นอันตรายและยังเป็นประโยชน์ต่อตับอีกด้วย แต่!! ต้องเป็น #กาแฟที่ไม่เติมนมข้นหวานและน้ำตาล เพราะอาจจะไปเพิ่มโอกาสการเกิดไขมันพอกตับได้
ในช่วงเข้าพรรษานี้…งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และหันมาดื่มกาแฟกันแทน เพื่อให้เข้ากับสโลแกน หน้าใสขึ้น ฟื้นฟูตับ กลับความคิดชีวิตเปลี่ยน งดเหล้าเข้าพรรษาของ #สสส กันนะคะ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า..
ที่มา: Alexander Hodge et al., “Coffee Intake Is Associated with a Lower Liver Stiffness in Patients with Non-Alcoholic Fatty Liver Disease, Hepatitis C, and Hepatitis B”, Nutrients 2017, 9, 56.
ขอบคุณข้อมูลจาก https://liverchula.org/