สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น แผลในกระเพาะอาหาร
- ปวดแสบปวดร้อนบริเวณลิ้นปี่เวลาท้องว่าง หรือจุก เสียด แน่นท้อง หรือปวดคล้ายกับเวลาหิวข้าว มักเกิดขึ้นหลังจากกินอาหารไปแล้วประมาณ 1-3 ชั่วโมง หรือปวดกลางดึก
- เมื่อได้รับประทานอาหารมักจะหายปวด หรืออาจจะปวดยิ่งขึ้น
- รู้สึกคลื่นไส้ หรืออาเจียน
- รู้สึกท้องอืด มีลมในท้อง เหมือนอาหารย่อยได้ไม่ดี
- อุจจาระเป็นสีคล้ำ ดำ หรือมีเลือดปน (ในกรณีที่มีแผลในกระเพาะอาหาร และมีเลือดออกร่วมด้วย แต่บางกรณีผู้ที่เป็นก็อาจไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือมีอาการใดๆ จนกว่าจะมีเลือดออก)
โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) หรือเรียกย่อๆ ว่า โรค พียู (PU) หรือพียูดี (PUD, Peptic ulcer disease) เป็นโรคที่เกิดมีแผลขึ้นในกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น บริเวณปลายหลอดอาหารส่วนที่อยู่ต่อกับกระเพาะอาหารร่วมด้วย เนื่องจากเยื่อเมือกบุภายในทางเดินอาหารเหล่านี้ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดโรคได้อีก เช่น
- การรับประทานอาหารที่ส่งผลต่อการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร และลำไส้ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมถึงยากลุ่ม NSAID อาทิ แอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ และยาชุด เป็นต้น
- พฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบเร่งรีบ กินไม่เป็นเวลา หรืออดอาหารบางมื้อ
- นอกจากบุหรี่จะส่งผลต่อปอดและทางเดินหายใจแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหารด้วย เพราะอาจเพิ่มโอกาสการเป็นแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น
- การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ เชื้อนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ผนังกระเพาะจึงอ่อนแอลงและมีความทนต่อกรดลดลง ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย แผลหายช้า ส่งผลให้เกิดแผลซ้ำได้อีก
- อื่นๆ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ เครียด อารมณ์หงุดหงิด พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคแผลในกระเพาะอาหาร
- เลือดออกในกระเพาะอาหาร (Upper GI bleeding) ผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หน้ามืด วิงเวียน เป็นลม
- กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องเฉียบพลันรุนแรง หน้าท้องตึง แข็ง กดแล้วเจ็บมาก
- กระเพาะอาหารอุดตัน ผู้ป่วยกินได้น้อย อิ่มเร็ว อาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
การตรวจ วินิจฉัย
- การเอกซเรย์กลืนแป้ง การตรวจที่สามารถทำได้ง่าย สะดวก เป็นการตรวจขั้นต้น แต่ไม่สามารถนำชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมได้
- ตรวจโดยวิธีการส่องกล้องทางเดินอาหาร เป็นวิธีมาตรฐานที่ดีที่สุดและมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะสามารถเห็นรายละเอียดของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นได้ชัดเจนดีกว่าการกลืนแป้ง การส่องกล้องช่วยยืนยันการวินิจฉัย และสามารถยืนยันตำแหน่งและขนาดของแผลที่ตรวจพบได้ นอกจากนี้ การส่องกล้องทางเดินอาหารสามารถตรวจหาเชื้อpylori โดยนำชิ้นเนื้อเล็กๆ มาตรวจหาเชื้อ หรือส่งตรวจทางพยาธิสภาพกรณีสงสัยมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย
- การตรวจหาเชี้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (pylori) สามารถตรวจด้วยวิธีการส่องกล้อง หรือตรวจจากลมหายใจด้วยวิธีการเป่า
ปฏิบัติตัวอย่างไร หลังจากรักษาโรคแผลในกระเพาะอาการ
- กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย
- กินอาหารจำนวนน้อยๆ แต่ให้บ่อยมื้อ ในแต่ละมื้อไม่ควรกินให้อิ่มมาก
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารหมักดอง น้ำอัดลม
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มสุรา
- งดการใช้ยาแก้ปวดแอสไพริน และยาแก้อักเสบทุกชนิด ถ้ามีความจำเป็นให้รับประทานหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมากๆ ห้ามรับประทานยาตอนท้องว่าง
- ผ่อนคลายความเครียดและวิตกกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ
- กินยาลดกรด หลังยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ รวมทั้งให้ยากำจัดเชื้อ pylori ด้วย
- ถ้ามีอาการของภาวะแทรกซ้อน ปวดท้องรุนแรง หรือเบื่ออาหาร น้ำหนักลดมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์
โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นโรคเรื้อรัง เมื่อรักษาแผลหายแล้วยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก หลังได้รับยาอาการปวดจะหายไปก่อนใน 3-7 วัน แต่แผลจะยังไม่หาย ต้องได้รับยาติดต่อกันเป็นเวลานาน 4-8 สัปดาห์ เมื่อหายแล้วสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก หากไม่ระวังเรื่องการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง หรือยังไม่สามารถกำจัดเชื้อ H.pylori ให้หมดได้
ระบบทางเดินอาหารและตับ อาคาร 1 ชั้น 2 โทร.02-2717000 ต่อ 10288-89
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : .paolohospital