สุขภาพจิต

6 วิธีอยู่อย่างเป็นสุขกับ โรคร้าย

Views

6 วิธีอยู่อย่างเป็นสุขกับ โรคร้าย

เราจะมีวิธีรับมือกับ โรคร้าย อย่างไร ? ชีวิตไม่ได้ด้วยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตเป็นเหตุเป็นผลดังคำพระท่านว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เราจึงใช้ชีวิตตามอำเภอใจไม่ได้ หรือจะกินตามใจปากก็ไม่ได้ เพราะ “กินอะไร เป็นอย่างนั้น” ไหนเราจะฝืนสังขารก็ไม่ได้ เกิด แก่ เจ็บ ตายล้วนเป็นสัจธรรม เมื่อย่างเข้าอายุ 30 ความเสื่อมเริ่มมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การใช้ชีวิตผิดและกินผิด จึงเป็นการเร่งสังขารให้ร่วงโรยเร็ว นำมาซึ่งอาการผิดปกติ และโรคร้ายในช่วงวันเวลาที่ไม่ควร มีงานวิจัยว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งเพิ่มมากขึ้น และผู้ป่วยเหล่านั้นก็มีอายุน้อยลง เพราะยังอยู่ในวัยทำงาน ภาระและหน้าที่ความรับผิดชอบกองสูงเท่าเขาพระสุเมรุ ประกอบกับไฟที่จะขับเคลื่อนโลกและสังคมไปข้างหน้ายังลุกโชน ผู้ป่วยมะเร็งกลุ่มที่ว่านี้จึงต้องปรับตัว ใช้ชีวิตให้เป็นไปตามปกติให้มากที่สุด เพื่อคงความสุขของสังคมและคนที่ตนรักให้อยู่จนลมหายใจสุดท้าย…ซึ่งไม่ง่ายนัก

อยู่กับโรคร้ายอย่างไรดี ?

  • ปรับความเชื่อ

จากข้อมูลสถิติทางการแพทย์พบว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เสียชีวิตเพราะถูกงูกัด ไม่ปรากฏว่า ตรวจพบพิษงูในกระแสเลือดในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้เสียชีวิตได้ กล่าวอีกอย่างก็คือ ที่คนเหล่านั้นต้องตายเพราะตกใจกลัว หรือเชื่อว่า ตนเองโดนพิษร้ายแรงของงูเข้าไปมากกว่า

ทั้งนี้เพราะความเชื่อ อันเป็นนามธรรมภายในจิตใจของคนเรานั้น แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยอาศัยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งนั้นๆ ก็มีอยู่

ภาพในใจ ทัศนคติ และอารมณ์ของคนเรา แม้จะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ก็เป็นตัวแปรสัมพันธ์ที่ส่งผลถึงความเจ็บป่วย หรือความมีสุขภาพดีของคนๆนั้นได้

  • รับผิดชอบความเจ็บป่วยของตัวเอง

เมื่อรู้ตัวว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง ไม่ว่าระยะไหนก็ตาม ทุกคนย่อมตกใจกลัว แต่ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น จึงต้องหาวิธีเผชิญหน้ากับโรคอย่างฉลาด

  • ตั้งจุดมุ่งหมายในชีวิต

ความทรมานจากความเจ็บป่วยด้วยโรคที่ยากต่อการรักษาเช่นมะเร็ง ผู้ป่วยมักเกิดความท้อแท้ได้ง่าย ทางที่ดีควรปรับทัศนคติ มองความเจ็บป่วยครั้งนี้เป็นเรื่องท้าทาย คิดว่าเราทุกคนต่างต้องการ “ออกกำลังใจ” โดยต้องพบกับปัญหามาบ้าง ยิ่งมากยิ่งดี เพราะนั่นจึงจะทำให้เรากลับกลายเป็นผู้มีกำลังใจเข้มแข็ง จนกลายเป็นนายเหนือปัญหาได้

  • กินอาหารให้เหมาะสม

การจะสู้กับมะเร็งได้นั้น ต้องอย่าอิมมูนซิสเต็มตก หลังจากเป็นมะเร็งและกินอาหารชีวจิตร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากก้อนมะเร็งยุบลงแล้ว ยังรู้สึกสดชื่นขึ้น หน้าตาสดใส จากที่เคยผอมเกร็น น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาบ้าง

“กินเนื้อสัตว์น้อยที่สุด เพราะเนื้อสัตว์เป็นอาหารอันโอชะของมะเร็ง”

  • ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะหาย

“การป่วยไม่ได้หมายความว่าจะต้องตายนี่นา” ซึ่งนี่คือเรื่องจริง

มีการวิจัยพบว่า สมองส่วนหน้าตอนล่างที่เรียกว่า ไฮโปธารามัส ซึ่งควบคุมระบบอิมมูนซิสเต็ม จะแปรปรวนไปตามสภาวะอารมณ์และจิตใจ ฉะนั้นผู้ป่วยที่จะหายจากโรคร้ายได้ ก็เพราะมีเจตจำนงแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ และพยายามทำให้เป็นจริงทุกๆวัน โดยการเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการกินและการใช้ชีวิต ซึ่งส่งผลให้ไฮโปธารามัสทำงานดีขึ้น อิมมูนซิสเต็มเพิ่มขึ้น และหายจากโรคได้

  • ยอมรับการเอาใจใส่จากคนรอบข้าง

พระท่านว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า พร้อมกับสร้างกรรมใหม่เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณตัวเอง เพื่อให้เกิดปัญญาญาณสู่การหลุดพ้น ฉะนั้นระหว่างเส้นทางอันขรุขระของชีวิต เราย่อมเจอมารผจญ เพื่อท้าพิสูจน์ว่า เราจะยอมพ่ายแพ้หรือไม่

เพราะภารกิจเพิ่มข้นตามวัย ขณะที่ไฟสร้างสรรค์ยังบรรเจิด ความเจ็บป่วยใดจึงเป็นแค่โจทย์ใหม่ในชีวิต ให้เราแก้ไขด้วยสติและปัญญาอันปราดเปรื่อง

            เพื่อถึงพร้อมซึ่งความสุขที่ความไม่จีรังของสังขารก็ขวางไม่ได้

ขอบคุณ

ข้อมูล :https://goodlifeupdate.com/

Leave a Reply