ในร่างกายของเรา สามารถแสดงออกถึงความผิดปกติได้หลากหลายทาง ซึ่งความผิดปกติเหล่านั้นจะแสดงออกมาเมื่อร่างกายขาดการดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเราจะมีโอกาสสังเกตได้ถึงความผิดปกติเหล่านั้นในรูปแบบของรูป รส หรือกลิ่น ในวันนี้จะขอหยิบยกความผิดปกติในด้านกลิ่นของจุดซ่อนเร้นคุณผู้หญิงมาเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้กันค่ะ จะน่าสนใจมากแค่ไหนมาติดตามกันได้เลย
ก่อนอื่นจะขอกล่าวถึงจุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงกันก่อน ในความเป็นจริงแล้วการดูแลรักษาความสะอาดของจุดซ่อนเร้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจมากมาย เพราะมันสามารถทำความสะอาดตัวเอง แต่ที่คนส่วนใหญ่เกิดปัญหาน่าจะเพราะเข้าไปดูแลมันผิดวิธี ใช้สารบางอย่างเพื่อทำความสะอาดเกินความจำเป็นทำให้เกิดโรคขึ้นได้ง่ายๆ
ผู้หญิงแต่ละคนจะมีวิธีการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นแตกต่างกันออกไป บางคนก็ล้างด้วยน้ำเปล่า บางคนก็ชอบใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ บางคนก็ชอบฉีดนู่นฉีดนี่เข้าไปภายใน ซึ่งการกระทำที่แตกต่างกันนี้จะทำให้ค่าความเป็นกรดด่างของจุดซ่อนเร้นมีความแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะการทำความสะอาดที่มากเกินไปในกรณีการใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่หรือฉีดนู่นฉีดนี่เข้าไปภายใน ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าความเป็นกรดด่างผิดเพี้ยนไปจากเดิม
กลิ่นที่จุดซ่อนเร้นสามารถบอกเรื่องสุขภาพ ความผิดปกติของร่างกาย อาการคัน อาการปวดแสบปวดร้อนระหว่างปัสสาวะได้ โดยเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าจุดซ่อนเร้นเป็นบริเวณมุมอับที่หากดูแลไม่ดีก็จะมีกลิ่นผิดปกติเกิดขึ้นได้ ซึ่งกลิ่นที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป เพราะความผิดปกติมีทั้งแบบไม่มีโรคแฝงอยู่กับแบบที่เป็นโรคแฝงอยู่ได้ แล้วสองแบบนี้จะมีความแตกต่างของกลิ่นอย่างไร ลองมาทำความเข้าใจกันเลยค่ะ
1. กลิ่นปลา
หากคุณผู้หญิงได้กลิ่นปลาออกมาจุดนั้น แสดงว่าร่างกายกำลังแสดงสัญญาณความเสี่ยงของโรคแล้วละคะ โดยความรุนแรงแสดงออกได้ทางระดับความแรงของกลิ่น ยิ่งกลิ่นฉุมากเท่าไหร่ แปลว่ามีโอกาสติดเชื้อมากเท่านั้น ซึ่งเชื้อที่เกี่ยวข้อง ก็คือ เชื้อ bacterial vaginosis นั่นเอง เมื่อมีเชื้อตัวนี้คุณผู้หญิงจะมีตกขาวสีขาวหรือออกเทาบ้าง แต่ยังไม่น่ากลัวมากเพราะสามารถรับประทานยาให้หายได้
2. กลิ่นยีสต์
เมื่อพูดถึงกลิ่นยีสต์คุณอาจจะนึกไม่ออก ให้คิดว่าเป็นกลิ่นคล้ายๆ ขนมปัง เพราะขนมปังทำมาจากยีสต์ ซึ่งเหมือนจะเป็นกลิ่นหอมแต่ในความจริงกลับเป็นกลิ่นแสดงสัญญาณที่ไม่ดี โดยถ้าคุณสังเกตเห็นอาการอื่นร่วมด้วย เช่น การตกขาวที่หนืดผิดปกติ หรือ อาการคัน กลิ่นยีสต์ที่คุณได้รับนี้จะบอกว่าคุณโดนเชื้อราเล่นงานแล้ว หรืออาจจะเกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้ด้วย
3. กลิ่นเหม็นเน่า
ชื่อกลิ่นก็บ่งบอกความอันตรายได้แล้ว ถ้าน้องสาวของคุณมีกลิ่นเหม็นเหมือนถังขยะที่เต็มไปด้วยขยะเน่าๆ อาจจะเป็นผลมาจากการใส่ผ้าอนามัยแบบสอด แล้วเกิดอาการเป็นพิษหรืออาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆที่เกิดการเป็นพิษภายใน หากเกิดอาการเหล่านี้ต้องรีบเข้ารักษาโดยด่วน เพราะเป็นอันตรายร้ายแรงอย่างมาก
4. กลิ่นเหล็ก
มารู้จักกลิ่นที่ปกติกันบ้าง กลิ่นที่สามารถพบได้ทั่วไปในจุดซ่อนเร้นของคุณสาวๆ ก็คือ กลิ่นเหล็ก ซึ่งจะพบบ่อยหลังจากที่ประจำเดือนหมดในแต่ละเดือน โดยปกติแล้วค่าความเป็นกรดด่างหรือ ค่า pH ของผู้หญิง มักจะมีค่าต่ำกว่า 4.7 ซึ่งแสดงค่าความเป็นกรด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ แต่เมื่อคุณมีประจำเดือน ค่า pH จะเพิ่มเป็น 7.4 ซึ่งจะส่งผลไปถึงกลิ่นที่เปลี่ยนไป ดังนั้นกลิ่นเหล็กจึงเป็นกลิ่นผิดปกติชั่วคราวที่ไม่เป็นอันตรายหรือไม่ได้สื่อถึงโรคใดๆ อย่างไรก็ตาม ถ้ากลิ่นไม่หายไปเมื่อประจำเดือนหมดไปหลายอาทิตย์ก็อาจจะเกิดเป็นความผิดปกติเรื่องอื่นๆได้
5. กลิ่นกวางชะมด
กลิ่นกวางชะมด คือ กลิ่นแบบเหนอะๆ เปียกๆ คล้ายๆกวางชะมด เวลาเหงื่อมาจะทำให้มีกลิ่นหมักหมมเล็กน้อย กลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ปลอดภัยไม่มีการติดเชื้อ แต่เป็นสัญญาณเตือนให้คุณลองเปลี่ยนกางเกงชั้นในที่คับเกินไปให้ตัวใหญ่ขึ้น เนื้อผ้าคุณภาพดี หรือมีเนื้อผ้าโปร่งมากขึ้นเพื่อให้สามารถระบายอากาศได้ดีและลดปัญหาการอับชื้นภายในได้
กลิ่นสัญญาณมีทั้งแบบที่ไม่ดีและแบบที่ดี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน คุณเองก็ควรเรียนรู้ไว้ เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตได้ถูก หากเป็นเพราะใส่กางเกงไม่เหมาะสมก็ให้เปลี่ยนกางเกงหรือหากเป็นเพราะพฤติกรรมใดๆที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย/เชื้อรา ก็จะได้แก้ไขหรือป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีกดังนั้น หากพบว่ากลิ่นที่บริเวณจุดซ่อนเร้นของคุณสาวๆๆเปลี่ยนแปลงไป ก็จงอย่ารีรอให้เกิดอาการหนักก่อนที่จะไปรักษา เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่ต่อเนื่องและแก้ไขยากไปกว่าเดิม
สุดท้าย ขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นง่ายๆด้วยการใช้น้ำอุ่นหรือหากต้องการใช้สบู่ควรเลือกสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวและอย่าทำความสะอาดโดยตรง ให้ล้างทำความสะอาดโดยรอบก็เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้จุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงสะอาดสดชื่นได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.สุขภาพน่ารู้.com/