สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 นับวันยิ่งมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ได้รับรู้ข่าวสารมากจนเกินไป จนเกิดเป็นภาวะความเครียดสะสม ในฐานะผู้ใหญ่อย่างเรา จะดูแลสุขภาพจิตเด็กๆ หรือสอนลูกอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความวิตกกังวลมากจนเกินไปในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้คุณค่ะ
การดูแลสุขภาพทางอารมณ์ ในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19
การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 สร้างความความตึงเครียดให้กับผู้คนจำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยความเครียดที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โรคระบาดนั้นส่งผลให้เกิดอาการ เช่น นอนไม่ค่อยหลับ กังวลและกลัวเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองและคนที่คุณรัก บางรายอาจดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากขึ้นเพื่อไม่เกิดอาการวิตกกังวล
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถรับมือกับอาการเครียดเหล่านี้ได้ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆที่คุณชื่นชอบ เช่น นั่งสมาธิ กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หยุดพักการอ่านข่าวหรือรับข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด
สังเกตเฝ้าอาการ ดูแลพฤติกรรมลูกอย่างใกล้ชิด
คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตเฝ้าดูอาการลูกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กจะมีอาการตอบสนองต่อความเครียดที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรสังเกตพฤติกรรมต่างๆ หากลูกมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพูดคุยกับลูกเพื่อบรรเทาอาการ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
ลูกมีอาการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ
1. หลีกเลี่ยงการไปโรงเรียน
2. มีอาการวิตกกังวล หรือมีอาการเศร้า
3. ไม่ร่าเริงแจ่มใส ไม่ร่วมกิจกรรมที่ชอบเหมือนอย่างเคย
4. มีพฤติกรรมหงุดหงิด ก้าวร้าว
5. มีอาการร้องไห้บ่อยครั้ง
6. นอนไม่ค่อยหลับ
7. เบื่ออาหาร
5 เคล็ดลับ คุยกับลูกให้เข้าใจ ไม่หวั่นแม้ใน สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19
1. อธิบายให้ลูกได้เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แบ่ปันข้อเท็จจริงซึ่งกันและกันในแบบที่ลูกของคุณสามารถเข้าใจได้
2. สร้างความมั่นใจให้ลูกของคุณว่าเราปลอดภัยและสามารถผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปได้ บอกให้ลูกรู้ว่าสิ่งที่ลูกรู้สึกกังวลและเสียใจนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พร้อมจัดการกับปัญหาภาวะเครียดของลูกด้วยการเรียนรู้วิธีการรับมือกับโรคระบาดไปพร้อมกับคุณ
3.ไม่ให้ลูกรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 มากจนเกินไป เพราะเด็กอาจตีความสิ่งที่ได้รู้ ได้รับฟังผิดไป
4.ให้ลูกได้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างปกติ เช่นการไปโรงเรียน หากโรงเรียนมีประกาศให้หยุดเรียนเพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรค ควรหากิจกรรมการเรียนรู้ที่ผ่อนคลายหรือสนุกสนานให้ลูกทำในบ้าน
5. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ผ่อนคลายไม่ทำให้ลูกเกิดความกดดันหรือเครียดไปด้วย เช่น ทำกิจกรรมออกกำลังกายร่วมกัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คุยกับสมาชิกในครอบครัว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกสอนลูกตั้งแต่ยังเล็กให้มีสุขภาพจิตที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่มั่นคงในอนาคต