รักษามะเร็ง ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด – ด้วยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ ได้ค้นพบวิธีการรักษาโรคมะเร็งแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันบำบัด”
รศ.นพ.เอกภพ สิระชัยนันท์ หัวหน้าสาขาวิชามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามา ธิบดี อธิบายว่า ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ Immunothe rapy คือการใช้ภูมิคุ้มกันของร่างกายมาเป็นหน่วยรบต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่หลักในการสร้างภูมิคุ้มกันมะเร็งเรียกว่าเม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ ส่วนเซลล์มะเร็งคือเซลล์ที่กลายพันธุ์และถือเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย แต่เซลล์มะเร็งสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งในที่สุด ต่อมามีการค้นพบกลไกที่เซลล์มะเร็งใช้หลบภูมิคุ้มกัน จึงทำให้สามารถหาวิธีนำภูมิคุ้มกันมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งได้
สิ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบำบัดต่างจากการรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ คือ ภูมิคุ้มกันบำบัดไม่ได้ทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ไปทำลายเซลล์มะเร็งอีกที ในขณะที่การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้ามีผลทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงเป็นหลัก ภูมิคุ้มกันบำบัดมีหลักๆ 3 ชนิด คือ แอนติบอดี เซลล์รักษา และวัคซีนรักษามะเร็ง แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงภูมิคุ้มกันบำบัดชนิดแอนติบอดีที่ยับยั้งเช็กพอยต์ หรือ Checkpoint Inhibitor
เช็กพอยต์เป็นกลไกปกติของเซลล์ร่างกาย มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป เช็กพอยต์ที่อยู่บนผิวเซลล์มะเร็งและเซลล์เม็ดเลือดขาวจะคอยจับกัน ทำหน้าที่เปรียบเสมือนแม่กุญแจและลูกกุญแจที่จะล็อกไม่ให้เม็ดเลือดขาวเข้าทำลายเซลล์มะเร็งได้ ยายับยั้งเช็กพอยต์ซึ่งเป็นยากลุ่มแอนติบอดีจะทำหน้าที่คอยกันไม่ให้แม่กุญแจและลูกกุญแจจับกัน และเปิดโอกาสให้เม็ดเลือดขาวเข้ากำจัดเซลล์มะเร็ง ยายับยั้งเช็กพอยต์ที่มีใช้ในประเทศไทย ได้แก่ ยายับยั้ง ซีทีแอลเอโฟร์ (CTLA-4), ยายับยั้งพีดี วัน (PD-1) และยาที่ยับยั้งพีดีแอล วัน (PD-L1)
ยายับยั้งเช็กพอยต์มีงานวิจัยประสิทธิ ภาพและได้รับการรับรองให้ใช้รักษามะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งเต้านมชนิดทริปเปิลเนกาทีฟ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยายับยั้งเช็กพอยต์ไม่สามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ทุกชนิด เพราะข้อบ่งชี้ในการรักษาของมะเร็งแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับระยะของโรค และลักษณะของโรค ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้
การใช้ยายับยั้งเช็กพอยต์อาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยอาจเกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะจากการกระตุ้น ภูมิคุ้มกัน อวัยวะที่มักพบการอักเสบ ได้แก่ ผิวหนัง อาจมีอาการเป็นผื่นหรือคัน ลำไส้ มีอาการถ่ายท้อง ปวดท้อง ปอด มีอาการเหนื่อย ไอ ตับ มีค่าเลือดผิดปกติ ตัวเหลืองตาเหลือง และระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง และต่อมไทรอยด์ มีอาการฮอร์โมนขาดหรือเกินผิดปกติ แต่อาการส่วนมากจะอยู่ในระดับเบาถึงปานกลาง และสามารถแก้ไขได้
แต่ถ้าอาการข้างเคียงในระดับรุนแรงถึงรุนแรงมาก ต้องหยุดการใช้ยาทันที และอาจจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาร่วมประเมินการรักษา ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์แบบกินหรือแบบฉีด หรือยากดภูมิคุ้มกันในการรักษาอาการข้างเคียงชั่วคราว
การรักษาด้วยวิธีภูมิคุ้มกันบำบัด จึงเป็นตัวเลือกในการรักษาโรคมะเร็งแนวทางใหม่ที่น่าสนใจ เป็นการนำสิ่งที่มีอยู่ในร่างกายของเรามาสู้กับโรค นำจุดแข็งของภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์มะเร็งได้โดยตรงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และอาจเป็นความหวังครั้งใหม่ของผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ขอบคุณข้อมูลจาก khaosod online โดย: คอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.khaosod.co.th/sci-tech/news_2937033