เมื่อต้นเดือนเมษายน รัฐบาลของเมืองเสิ่นเจิ้น ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมีคำสั่งห้ามชาวเมืองกินเนื้อสุนัขและแมว คำสั่งที่ว่านี้ยังรวมถึงการห้ามกินเนื้อสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ป่าที่นำมาเลี้ยงด้วย แต่ยังอนุญาตให้บริโภคเนื้อสัตว์อื่นโดยทั่วไปเช่น ลา กระต่าย นกกระทา หรือสัตว์น้ำชนิดอื่นได้
เจ้าหน้าที่ทางการเมืองเสิ่นเจิ้นประกาศว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษปรับสูงถึง 30 เท่าของมูลค่าสัตว์ป่า หากสัตว์ป่าชนิดนั้นมีราคาเกิน 1,400 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 45,000 บาท
รัฐบาลจีนได้ตระหนักถึงความจำเป็นของการควบคุมการค้าสัตว์ป่าหลังการระบาดครั้งล่าสุดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ที่เมืองอู่ฮั่น โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทางการจีนได้ออกกฎหมายห้ามการบริโภคสัตว์ป่า และเมืองเสิ่นเจิ้นก็เป็นเขตการปกครองแห่งแรกของจีนที่นำมาตรการนี้มาเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การยุติการค้าสัตว์ป่าอาจเป็นเรื่องยากจากประเพณีปฏิบัติและความนิยมที่ฝังรากลึกในสังคมจีน เพราะนอกจากความนิยมบริโภคสัตว์ป่าแล้ว ยังมีการใช้ชิ้นส่วนของสัตว์ป่าทำยารักษาโรค รวมทั้งยังมีความเชื่อด้วยว่าชิ้นส่วนของสัตว์ป่าจะช่วยเสริมพลังของร่างกาย และมีการใช้ชิ้นส่วนสัตว์ป่าทำเครื่องแต่งกาย ใช้เป็นเครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงด้วย