จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีปริมาณขยะหน้ากากอนามัยและขยะติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า วันละ 1 พันกิโลกรัม จึงขอความร่วมมือคัดแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ลดความเสี่ยงสัมผัสเชื้อโควิด-19
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงการจัดการขยะติดเชื้อ (หน้ากากอนามัย) ว่า ขณะนี้ปริมาณขยะติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการทิ้งขยะประเภทหน้ากากอนามัยในหลายครัวเรือน ทำให้บางวันมีปริมาณขยะติดเชื้อเพิ่มกว่า 1 พันกิโลกรัม ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มีการรายงานความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร เป็นประจำทุกวัน
โดยแนวทางการจัดการขยะติดเชื้อนั้น กรุงเทพมหานครได้ขยายแนวทางในการจัดเก็บเพิ่มเติม โดยจัดวางถังขยะสีแดงสำหรับรองรับหน้ากากอนามัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง, ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง, โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง, ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร, เสาชิงช้า และดินแดง
พร้อมมีการติดป้ายสัญลักษณ์และป้ายข้อความ “สำหรับทิ้งหน้ากากอนามัยเท่านั้น” อย่างชัดเจนที่ถังรองรับหน้ากากอนามัยทุกจุด และมีการกำกับดูแล เพื่อป้องกันการทิ้งขยะประเภทอื่นปะปน และป้องกันการรื้อค้นเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้ยังได้มีการนำถังขยะสีแดงติดตั้งไปกับรถขยะ เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการแยกประเภทขยะติดเชื้อออกจากขยะทั่วไป
นอกจากนี้กรุงเทพมหานคร ได้มีความห่วงใยในสุขอนามัยของเจ้าหน้าที่เก็บขนขยะมูลฝอย เนื่องจากบางครั้งประชาชนไม่ได้คัดแยกขยะมาให้ เจ้าหน้าที่เก็บขยะจึงต้องคัดแยกขยะอีกครั้งหลังการเก็บขน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับขยะติดเชื้อ กรุงเทพมหานครจึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานเก็บขนมูลฝอย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและความอุ่นใจในความปลอดภัยจากการปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันคัดแยกขยะติดเชื้อและขยะหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วออกจากขยะทั่วไป โดยทิ้งใส่ถุงที่ปิดสนิท มัดปากถุงให้แน่น เขียนหรือติดหน้าถุงว่า “หน้ากากอนามัย” เพื่อแยกทิ้งให้รถเก็บขนมูลฝอยของสำนักงานเขต หรือทิ้งในถังรองรับหน้ากากอนามัยเฉพาะในจุดที่กรุงเทพมหานครกำหนดข้างต้น
ที่มา สสส.