นิ่วในถุงน้ำดี

กลุ่มอาหาร เสี่ยง “นิ่วในถุงน้ำดี”

Views

นิ่วในถุงน้ำดี” เป็นโรคที่เริ่มพบได้บ่อยมากขึ้นตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงวัยชรา สาเหตุเกิดจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) หรือคอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในน้ำดี ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสมดุลของน้ำดี หากก้อนนิ่วไปอุดถุงน้ำดี อาจทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ และหากมีก้อนนิ่วติดค้างอยู่ที่ถุงน้ำดีเป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้เกิดเป็นมะเร็งถุงน้ำดีได้

>> 4 สัญญาณอันตราย “นิ่วในถุงน้ำดี” และวิธีการรักษา

นอกจากคนที่อยู่ในภาวะอ้วน เบาหวาน ทาลัสซีเมีย โลหิตจาง และคนที่รับประทานยาลดไขมันบางชนิด จะเสี่ยงต่อโรคนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว รู้หรือไม่ว่า อาหารการกินบางอย่างก็เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้อีกด้วย


ออกซาเลต สาเหตุของโรคนิ่ว

จริงๆ แล้วนอกจากโรคนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ก้อนนิ่วยังสามารถไปอุดตันในอวัยวะอื่นๆ ได้อีก เช่น “นิ่วที่ไต” “นิ่วที่ท่อไต” “นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ” และ “นิ่วในท่อปัสสาวะ” สาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วอาจไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดก้อนนิ่วได้ เช่น ดื่มน้ำน้อย มีโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นโรคอ้วน และมีพ่อแม่ที่เคยเป็นโรคนิ่วมาก่อน อีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดก้อนนิ่วได้ คือการบริโภคอาหารที่มีออกซาเลตสูงมากเกินไป

ออกซาเลต เป็นสารมีฤทธิ์ในการยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียมและแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิดในกระแสเลือด หากรับประทานเป็นประจำทุกวันในปริมาณมาก ออกซาเลตจะเข้าไปตกผลึกสะสมในไต กระเพาะปัสสาวะ และอวัยวะอื่นๆ ใกล้เคียง อาจทำให้เป็นนิ่วได้


อาหารที่ออกซาเลตสูง ได้แก่

  • ช็อกโกแลต
  • โกโก้
  • น้ำชา
  • มันเทศ
  • ผักโขม
  • ใบชะพลู
  • ผักแพว
  • ผักเสม็ด
  • หน่อไม้
  • ผักกะโดน
  • ยอดใบมันสำปะหลัง 
  • ใบชะพลู 
  • หัวไชเท้า
  • ขึ้นฉ่าย 
  • คะน้า 
  • มะเขือ 
  • แครอท 
  • บอน 
  • เผือก 
  • องุ่นแดง 
  • สตรอว์เบอร์รี
  • ผักติ้ว 
  • ผักเม็ก 
  • ผักหวานป่า
 

 
หากต้องกินอาหารที่มีออกซาเลตสูง ควรทำอย่างไร ?

อาหารอย่างช็อกโกแลต น้ำชา โกโก้ ไม่ควรกินมากเกินไป หรือติดต่อกันนานเกินไป ควรสลับไปรับประทานอาหารประเภทอื่นบ้าง

หากเป็นผัก ควรล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนกิน กินเสร็จควรดื่มน้ำตามมาก ๆ จะทำให้สารออกซาเลตตกค้างในร่างกายน้อยลง และที่สำคัญควรรับประทานผักเหล่านี้คู่กับเนื้อสัตว์ด้วย