หากพูดถึงมะเร็ง เชื่อว่าใครๆ ก็กลัวกันจริงไหมคะ แต่หากจะเฉพาะเจาะจงลงไปที่ “มะเร็งตับอ่อน” ขอบอกเลยว่าน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะอัตรารอดชีวิตหลังวินิจฉัยโรคไป 5 ปี มีเพียง 7% เท่านั้น ยิ่งเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ อย่างมะเร็งต่อมลูกหมากที่มีอัตรารอดชีวิตหลังวินิจฉัยโรค 5 ปี มากถึง 90% และมะเร็งตับ มะเร็งปอด ที่ยังมากถึง 30% จึงถือว่ามะเร็งตับมีอัตรารอดชีวิตต่ำกว่ามะเร็งชนิดอื่นๆ มากพอตัว
คุณหมออาคิ จาก เฟซบุ๊คเพจ Dr.Aki – หมออาคิ กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้เรามีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับอ่อน และสัญญาณเตือนโรคมะเร็งตับอ่อน จากระดับน้ำตาลในเลือด เอาไว้อย่างละเอียด เราไปดูกันดีกว่าค่ะ
“มะเร็งตับอ่อน” จัดว่าเป็นหนึ่งในมะเร็งที่น่ากลัวที่สุด อัตรารอดชีวิตเมื่อผ่านไป 5 ปีภายหลังวินิจฉัยโรคแค่ 7% (สถิติจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น) ทั้งนี้เมื่อเทียบกับอัตรารอดชีวิต 5 ปีของมะเร็งชนิดอื่นๆ อย่าง มะเร็งต่อมลูกหมากที่เกิน 90% หรือแม้แต่มะเร็งตับหรือมะเร็งปอดที่มีเกือบ 30% แล้วถือว่าต่ำมากๆ
การที่ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนมีอัตราการรอดชีวิต 5 ปีต่ำมาก เนื่องจากหลายปัจจัย
– อาการของมะเร็งตับอ่อนในระยะแรกน้อยมากๆ ซึ่งเมื่อพบว่ามีอาการเช่น น้ำหนักลด, ปวดท้อง หรือตัวเหลืองตาเหลือง ส่วนใหญ่จะเป็นมะเร็งระยะลุกลามไปแล้ว
– การตรวจพบมะเร็งตับอ่อนนั้นยากมาก ด้วยเพราะตับอ่อนเป็นอวัยวะที่อยู่ลึกหลังตับ, กระเพาะและลำไส้ใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการตรวจร่างกายหรือแม้แต่ใช้อัลตราซาวด์ก็ตาม
– ผลการรักษามะเร็งตับอ่อนในปัจจุบันยังไม่ค่อยดีนัก อย่างการผ่าตัดมะเร็งตับอ่อนนั้นจัดว่ายากมาก เพราะตับอ่อนอยู่ในตำแหน่งลึกติดกับอวัยวะสำคัญต่างๆรวมถึงเส้นเลือดจำนวนมาก อีกทั้งไม่ค่อยตอบสนองต่อการให้เคมีบำบัดรวมถึงรังสีรักษา
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาทางการแพทย์ต่างๆที่ผ่านมาพบว่า ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนระยะแรกนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเบาหวานอยู่แล้วหรือผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวเลยก็ตาม จึงถือว่าระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งที่ช่วยบ่งบอกให้ระวังถึงโรคมะเร็งตับอ่อนได้ สังเกตอย่างง่ายๆแยกเป็น 2 กลุ่ม
– กรณีคนที่ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารอย่างดี แล้วยังตรวจพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นจนเกินค่าปกติอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
– กรณีผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะสังเกตได้จากการที่เคยทานยาคุมน้ำตาลได้อย่างดีมาตลอด แล้วอยู่ๆเกิดระดับน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างผิดปกติโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
กลไกที่ “มะเร็งตับอ่อน” ก่อภาวะระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดสังเกต เกิดจากการที่เมื่อมีก้อนมะเร็งเกิดขึ้นที่ตับอ่อน ตัวมะเร็งนี้จะโตขึ้นเรื่อยๆอย่างควบคุมไม่ได้ แย่งสารอาหารและออกซิเจนที่หล่อเลี้ยงเซลล์ปกติในตับอ่อนอื่นๆ กลุ่มเซลล์หนึ่งที่ได้รับผลกระทบกระเทือนที่สุด คือ เซลล์ที่ผลิตอินซูลิน(มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด) ทำให้สร้างอินซูลินลดลง ส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือดแย่ลง จนเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในที่สุด
[หมายเหตุ; ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นเพียงตัวช่วยชี้บ่งถึงความเป็นไปได้ของโรคมะเร็งตับอ่อนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการวินิจฉัยโรค เพราะระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นเมื่อพบระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างผิดสังเกต ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องนะครับ]
Credit-Information: Liao WC et al, BMJ 2015
Credit-Pictures: NHK TV, Japan (ดัดแปลงภาพโดยใส่ข้อความภาษาไทย)
เพราะฉะนั้นการสังเกตร่างกายของตัวเอง และตรวจสุขภาพอยู่เสมอ ก็เป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะทำให้เราพบโรคได้เร็วขึ้น เมื่อเราพบโรคเร็วขึ้น ก็จะมีโอกาสรักษาให้หายได้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอย่าปล่อยปะละเลยเรื่องของสุขภาพนะคะ