กรมอนามัย เตือนไม่ควรสวมหน้ากากขณะวิ่งออกกำลังกาย เสี่ยงออกซิเจนไม่พอ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน 6 กิจการ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติแต่ต้องควบคุมและเฝ้าระวังการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องนั้น พบว่าขณะนี้กิจการประเภทสวนสาธารณะ ลานพื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬาและ ลานกีฬา มีประชาชนมาออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะนั้น ขณะวิ่งไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการหายใจเร็วขึ้น การสวมใส่หน้ากากผ้าหรืออนามัยจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยเฉพาะหน้ากาก N95 ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าหน้ากากอนามัย ก็จะยิ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ออกมาจากร่างกายสะสมอยู่ในหน้ากาก มีโอกาสที่จะหายใจไม่ทันได้
ดังนั้น นักวิ่งทุกคนจึงควรจะเพิ่มระยะห่างในการวิ่งตามกันให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งห่างกันเท่ากับโอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลงด้วย และที่สำคัญอย่าไปสัมผัสกับพื้นผิวสัมผัสในที่สาธารณะต่าง ๆ โดยไม่จำเป็น ส่วนผู้ที่เดินออกกำลังกายให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยระยะใกล้ชิด ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น และหลังออกกำลังกายให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
นอกจากนี้ เมื่อกลับถึงบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที โดยในส่วนสถานที่สวนสาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ทางเดิน ออกกำลังกาย พื้นถนน ประตู สวน เก้าอี้ ม้านั่ง จุดให้บริการน้ำดื่ม โดยเฉพาะก๊อกน้ำดื่ม อุปกรณ์และอื่น ๆ ที่มีการใช้ร่วมกันภายในสวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดสวนสาธารณะ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสหรือที่ใช้ร่วมกัน หากมีผู้ใช้บริการมากให้เพิ่มความถี่ทำความสะอาด อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดระยะห่างระหว่างเก้าอี้นั่งในบริเวณสวนสาธารณะให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และ จัดให้มีถังขยะสภาพดีที่มีฝาปิด เป็นต้น
ขอบคุณที่มา สสส.