การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการบรรเทาสภาวะสุขภาพพื้นฐานและการดำเนินการเพื่อปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจาก COVID-19 ภาพถ่ายโดยiXimus / Pixabay
13 มีนาคม (UPI) - การวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่มีสภาวะสุขภาพพื้นฐานหรือระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกบุกรุกมีความเสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากเชื้อ coronavirus, COVID-19 ที่แพร่กระจาย - แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการทำตามขั้นตอนเพื่อพัฒนาสุขภาพ
“ ฉันบอกผู้ป่วยทุกคนที่มีภาวะสุขภาพเรื้อรังเช่นโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจเพื่อทำสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อเพิ่มสุขภาพของพวกเขาในขณะนี้” Kathryn A. Boling แพทย์ประจำครอบครัวของ Mercy Medical Center บอก UPI “ นั่นหมายถึงการทานยาตามคำสั่งออกกำลังกายและทานอาหารที่ดีถ้าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูงตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คุณจะอดอาหารและทานอาหารรสเค็มมาก ๆ ”
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธในThe Lancetซึ่งตรวจสอบผู้ป่วย 191 รายที่มี COVID-19 พบว่าผู้ที่มีความดันโลหิตสูงโรคเบาหวานและโรคหัวใจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรครุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาหรือเสียชีวิต สุขภาพดีเป็นอย่อื่น
เมื่อพวกเขากลายเป็นติดเชื้อโดยรวมผู้ป่วย 54 รายจากทั้งหมด 191 คนที่มาจากหวู่ฮั่นประเทศจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดนั้นเสียชีวิตและอีกสองในสามมีภาวะสุขภาพอย่างน้อยหนึ่งรายก่อนที่จะป่วย ผู้เขียน 26 คนเป็นโรคความดันโลหิตสูง 17 คนเป็นโรคเบาหวาน 13 คนเป็นโรคหัวใจและอี
“ เงื่อนไขเหล่านี้และโรคเรื้อรังอื่น ๆ สามารถระงับความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของคุณในการป้องกันไวรัสเช่น COVID-19” Boling กล่าว “ เมื่อมีคนบอกว่าคนที่ถูกระงับภูมิคุ้มกันมีความเสี่ยงมากขึ้นพวกเขาหมายถึงคนที่ได้รับเคมีบำบัดหรือมีเชื้อเอชไอวีหรือผู้ที่มีโรคไขข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่กำลังใช้ยาต้านภูมิคุ้มกัน
คนที่อายุ 65 ปีขึ้นไปก็ไม่มีภูมิคุ้มกันแบบเดียวกับที่เคยทำซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปริมาณสูงทุกปี
อย่างไรก็ตามผู้ที่ตกอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหนึ่งหรือมากกว่า – ชาวอเมริกันมากกว่า 30 ล้านคนมีโรคเบาหวานในขณะที่มากกว่า 100 ล้านคนมีความดันโลหิตสูงสามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี
อาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการการออกกำลังกายเป็นประจำและการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอสามารถไปได้ไกลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่หรืออะไรที่ร้ายแรงกว่า
ผู้คนสามารถทำการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ตัวอย่างเช่นการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำมีผลไม้และผักสีต่าง ๆ มากมายจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อการต่อสู้กับการติดเชื้อ
อาหารที่มีเส้นใยสูงรวมถึงธัญพืชและโยเกิร์ตสามารถเสริมความแข็งแรงให้กับจุลินทรีย์ในลำไส้ – หรือที่เรียกว่า “แบคทีเรียที่ดี” ในระบบทางเดินอาหาร – และเสริมภูมิคุ้มกัน
Boling แนะนำให้ผู้ป่วยทั้งหมดของเธอกินวิตามินดีถึง 2,000 IU ต่อวัน เธอได้กล่าวว่าวิตามินดีมีบทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันสุขภาพและหลายคนไม่ได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอ
ประโยชน์ที่เป็นไปได้ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่นอิชินาเซียและวิตามินซีเพื่อสุขภาพภูมิคุ้มกันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการศึกษาที่มีอยู่เธอเสริมและผู้ที่พิจารณาอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
การศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์เมื่อวันพุธในThe Lancetเชื่อมโยงการสูบบุหรี่กับโรคที่รุนแรงมากขึ้นใน COVID-19 Boling กล่าวว่าเธอได้แนะนำผู้ป่วยของเธอที่สูบบุหรี่เพื่อเลิกสูบบุหรี่ยิ่งขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของการระบาด
“ ผู้คนจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขามีความสามารถในการทำงานสูงสุดดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาป่วยหรือป่วยพวกเขาจะทำได้ดีขึ้น” เธอกล่าว “ คนส่วนใหญ่มีความคิดที่ดีว่าระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนขึ้นอยู่กับวิธีที่พวกเขาทำทุก ๆ ปีด้วยความหนาวเย็นและไข้หวัดใหญ่ฉันมีคนพูดว่า ‘ฉันไม่เคยป่วย’ ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาน่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถ้าผู้คนพบว่าพวกเขาป่วยหลายครั้งในช่วงฤดูหนาวมันก็อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำงานตอนนี้มากขึ้นกว่าเดิม “
ขอบคุณข้อมูลจาก : UPI By Brian P. Dunleavy
Strengthening immune health can help protect against COVID-19