คนรอบตัวเริ่มบ่นว่าเท้าเริ่มบวมจนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ คือเท้าบวมเสียจนใส่รองเท้าไม่ได้ หรือรู้สึกบีบรัดตึง ใส่รองเท้าไม่สวยเหมือนเก่า แต่เราจะกังวลแค่เรื่องเท้าไม่สวยไม่ได้นะคะ เพราะเท้าบวมอาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของโรคร้ายสารพัดเลยล่ะ
เท้าบวม สัญญาณเบื้องต้นสารพัดโรคร้าย
อาการเท้าบวม แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. บวมแบบกดแล้วไม่บุ๋มค้าง โดยลองใช้นิ้วกดลงบริเวณที่บวม 5-10 วินาที เมื่อยกนิ้วออกแล้วไม่บุ๋มค้าง เป็นเนื้อแข็งๆ แน่นๆ หรือบางรายผิวอาจมีลักษณะของผิวที่ขรุขระเหมือนเปลือกส้ม
สาเหตุ อาจมาจากการอุดตันของทางเดินน้ำเหลือง ถึงจะพบได้น้อย แต่ก็จำเป็นต้องพบแพทย์
2. บวมแบบกดแล้วบุ๋มค้าง สาเหตุหลักๆ ของอาการบวมลักษณะนี้ มีอยู่ 5 สาเหตุ ได้แก่
– หลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน
– แพ้ยา หรือสารต่างๆ
– ได้รับอุบัติเหตุ หรือการติดเชื้อ
– บวมน้ำ จากน้ำหนักร่างกายที่มากเกินไป
– ผลข้างเคียงของยา
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรคที่มีอาการเริ่มต้นด้วยอาการ “เท้าบวม” เช่น
– โรคไต
– โรคหัวใจ
– โรคตับแข็ง
– มะเร็งตับ
– ดีซ่าน
– เท้าช้าง
– เส้นเลือดขอด
– เบาหวาน
– ขาดอาหารประเภทโปรตีน
ข้อควรปฏิบัติ เมื่อมีอาการเท้าบวม
1. หากอยู่ในภาวะอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ให้ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร
2. ไม่ทานอาหารที่รสจัดจนเกินไป ทั้งหวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด และเผ็ดจัด
3. ไม่ควรยืนนิ่งๆ นานๆ ควรมีการขยับแข้งขยับขา เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น
4. ยกเท้าสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนนอน ช่วยลดอาการบวมได้ดี
5. หากบวมมากผิดปกติ และไม่มีทีท่าจะหาย หรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย ให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายกันเอาไว้ให้นะคะ เพราะแค่อาการเท้าบวมที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร จริงๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยถึงโรคร้ายอีกหลายๆ โรค ที่เรากำลังเผชิญโดยไม่รู้ตัวก็ได้
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :Doctor.or.th,คลินิกแพทย์วีระพันธ์ โรคสมองและระบบประสาท
ที่มา Sanook.com
ภาพ :iStock