ชื่อเภสัชกร ธเนศ ตัณฑวิวัฒน์ เป็นเจ้าของ และภก.ประจำร้าน อ้วยแซตึ๊ง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ที่ร้านจำหน่ายทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ยาสมุนไพรทั้งจีนและไทย ซึ่งเปิดกิจการมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ จนมาถึงรุ่นผม ร่วม 60 ปี แต่เดิมร้านเป็นร้านขายยาสมุนไพร และมาเริ่มขายยาแผนปัจจุบันได้ 40 ปี แล้ว
แต่เดิมปู่ เป็นแพทย์แผนจีนที่เดินทางมาจากประเทศจีน อยู่รพ.มิชชั่น ที่ประเทศจีน ต่อมาคุณพ่อ ก็สืบทอดความรู้เรื่องแพทย์แผนจีน และเรียนเพิ่มเติมแพทย์แผนไทยด้วย พอมารุ่นผมก็ได้เรียนรู้ และคลุกคลีกับสมุนไพรจีน มาตั้งแต่เด็ก ช่วยหั่นยา เตรียมยา และได้มาเรียนเภสัชแพทย์แผนปัจจุบันที่มหาวิทยาลัยศิลปกรณ์ จบมาก็มาทำงานที่ร้านต่อ
ความแตกต่างของทฤษฎีแพทย์แผนไทย และแผนปัจจุบัน จากประสบการณ์ทั้งที่เรียน และประสบการณ์ตรงจากการขาย ผมว่า ทั้งสองวิธีการรักษา ควรไปด้วยกัน หรือใช้ร่วมกัน เพราะถ้าเลือกอย่างใดอย่างนึงผมว่ามันหาช่องทางในการรักษาไม่ได้ โรคบางโรคใช้ยาแผนปัจจุบันเยอะมาก แต่กลับมีผลข้างเคียงที่ไม่ประสงค์ตามมามาก เช่นรักษาอาการนึงแต่ ผลข้างเคียงอาจทำลายระบบนึงในร่างกาย เช่นตับ ไตหรือผลข้างเคียงอื่นๆ แต่จากที่ผมเองมีความรู้ทั้ง2ศาสตร์ ผมจึงใช้สมุนไพร ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ในการรักษา จึงทำให้คนไข้ดีขึ้น แพทย์แผนจีนจะมีการดูธาตุของคนไข้ การดูลิ้น การแมะจากชีพจร ซึ่งแผนปัจจุบันไม่มี แผนปัจจุบันจะเปนการสอบถามอาการจากคนไข้ และวินิจฉัยตามทฤษฎี รวมทั้งจัดยาตามอาการนั้นๆ และโดยส่วนตัวพอใช้ทั้ง2ศาสตร์ในการวินิจฉัย และร่วมรักษา ผลการรักษาจึงดีขึ้นกว่าใช้ศาสตร์ใดเพียงอย่างเดียว
และลูกค้า หรือคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาที่ร้าน คือรักษาแผนปัจจุบัน ไปโรงพยาบาล และกินยาจำนวนมาก เป็นระยะเวลานานแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้นหรือยังไม่หาย ก็จะมาปรึกษาที่ร้าน เพราะเป็นทางเลือก และเป็นร้านยาแผนโบราณเพียงร้านเดียวใน อ.ท่าม่วงนี้ และเมื่อผลการรักษาดีขึ้นจนหาย ทำให้เกิดการบอกเล่า พูดปากต่อปาก ว่าให้กินทั้งยาไทย ยาจีน ยาหมอโรงพยาลเสริมกัน จึงมีลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่าง มีคนไข้ผู้หญิงคนนึง มาปรึกษาด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนเท้า อายุไม่เยอะ ประมาณ 30 กว่า เล่าว่าไปรักษาหาหมอกระดูก ซึ่งหมอก็จ่ายยาวิตามินB1 6 12 จ่ายยาแก้ปลายประสาทอักเสบ ซึ่งบอกว่ากินยามาหลายเดือนมากแต่ไม่ดีขึ้น แค่ทรงๆ ผมก็เลยซักประวัติอาการตามการรักษาแบบแพทย์แผนจีน ทำให้ได้รู้ว่า ผู้ป่วยเสียเลือดมากเวลามีประจำเดือน ดูลิ้น ลิ้นเค้าซีด ผมเลยคิดว่าอาการแสบร้อนเท้าที่เกิดขึ้น ตามการแพทย์แผนจีนเค้าเรียกว่า อาการเลือดพร่อง เราก็เลยแนะนำให้ใช้สมุนไพรจีนในการบำรุงเลือด และใช้ยาจีนให้การไหลเวียนของชี่ ดีขึ้น อาทิตย์นึงกลับมาคนไข้บอกว่าอาการดีขึ้นเยอะ รู้สึกนอนหลับสบาย ไม่สะดึ้งตอนกลางคืน และอาการแสบร้อนเท้าดีขึ้น
ความสำคัญอีกอย่างคือ การให้ข้อมูล และประวัติการรักษาของคนไข้ที่ถูกต้อง แบบไม่ปิดบังถึงจะทำให้การวินิจฉัยและรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง ตรงประเด็นและการรักษาสุขภาพที่สำคัญคือเรื่อง การเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยการกินอาหารเสริม อย่างเช่น มะโฮ ที่สร้าง กระตุ้นและปรับสมดุลภูมิคุ้มกันได้ดี ผมเองก็ศึกษาเรื่องของภูมิคุ้มกันโดยแพทย์แผนปัจจุบัน ศึกษาเรื่องการทำงานของเม็ดเลือดขาว ที่มีหน้าที่โดยตรงในการกำจัด กัดกินเชื้อโรคเชื้อไวรัสต่างๆ มะโฮ ซึ่งสกัดมาจากยีสต์ กระตุ้นการทำงานของเซลล์เนื้อเยื้อในลำไส้ทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง โดยปกติไวรัสไม่มียาสำหรับฆ่าไวรัส แต่สิ่งที่จะสู้กับไวรัส ทำได้คือ ภูมิคุ้มกันของเราเอ
คนไข้ในยุคปัจจุบันเป็นโรคเรื้อรังค่อนข้างเยอะ ซึ่งเกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีมากพอ เช่นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง และโรคที่เกิดตามฤดูกาล ก็ทำให้มีคนไข้ในโรคต่างๆแตกต่างกัน รวมทั้งโรคแปลกๆใหม่ๆที่เกิดในเด็กเยอะมาก เช่นโรคภูมิแพ้ โรคกระเพาะ ซึ่งเกิดจากอาหารการกินของเด็กสมันใหม่ มากกว่าเด็กสมัยก่อน เช่นเด็กกินน้ำอัดลมตั้งแต่เล็กๆ โดยพ่อแม่ ไม่ห้าม ก็ทำให้เด็กเป็นโรคกระเพาะ รวมทั้งสภาวะแวดล้อมต่างๆ อากาศที่แย่กว่าสมัยก่อนทำให้เด็กสมัยนี้มีภูมิต้านทานที่ต่ำ ลงมาก เด็กปัจจุบันอยู่ในห้องแอร์เยอะ อากาศไม่ถ่ายเท ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง และในห้องแอร์ ถ้ามีคนไหนป่วยก็เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ง่าย ฉะนั้นอยากฝากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ด้วยการกินอาหารที่หลากหลาย มีประโยชน์ กินแต่พอดี ไม่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป (พ่อผมสอนอยู่ประจำว่า “โรคภัยเข้าทางปาก”) พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เหมาะสม และสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองให้แข็งแรง