ในปัจจุบันได้มีการโฆษณาถึงสรรพคุณของยาสมุนไพรหลายชนิดว่าสามารถรักษาโรคไตเรื้อรังให้ดีขึ้นหรือกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งสมุนไพรดังกล่าวประชาชนสามารถซื้อหาได้โดยง่าย ทำให้ผมได้รับคำถามจากคนไข้อยู่บ่อยครั้งว่า เขาจะสามารถลองใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสมุนไพรต่างๆ เพื่อช่วยรักษาโรคไตของเขาได้หรือไม่? จะมีข้อเสียอะไรหรือเปล่า?
โดยคำตอบที่ผมได้บอกกับคนไข้อยู่เสมอก็คือ เขาไม่ควรที่จะลองใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีการโฆษณาดังกล่าวในการช่วยรักษาโรคไตเรื้อรัง เมื่อถามถึงเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรใช้ ผมจะขอสรุปเป็น 3 ประเด็น ดังนี้
- ไตเป็นอวัยวะที่สามารถเกิดอันตรายจากการใช้ยาและสารต่าง ๆ ได้ง่าย เนื่องจากสารต่าง ๆ มาที่ไตในปริมาณและความเข้มข้นที่สูงกว่าอวัยวะอื่นๆ จึงมีโอกาสเกิดพิษจากยาสูง โดยยาแผนปัจจุบันจะมีข้อมูลของขนาดยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละรายให้แพทย์เลือกใช้ทำให้มีโอกาสเกิดพิษต่อไตน้อยมาก ในขณะที่ยาสมุนไพรส่วนใหญ่ยังไม่มีข้อมูลเหล่านี้ชัดเจน นอกจากนี้สมุนไพรยังอาจมีปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interaction) กับยาประจำที่แพทย์สั่งซึ่งอาจลดประสิทธิภาพหรือเกิดพิษของยาขึ้นได้
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในท้องตลาดมักมีมากกว่าหนึ่งชื่อ (คือชื่อสามัญและชื่อพืช) ซึ่งจะไม่ได้ระบุองค์ประกอบ ปริมาณและสัดส่วนของสารต่าง ๆ เอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมีองค์ประกอบที่เป็นพิษต่อไตด้วยหรือไม่
- แม้ว่าสมุนไพรบางชนิดจะมีผลการวิจัยที่แสดงถึงประโยชน์ในผู้ป่วยโรคไต อย่างไรก็ดี คุณภาพของหลักฐานงานวิจัยยังค่อนข้างต่ำจนไม่อาจสรุปได้ชัดเจนว่าสมุนไพรดังกล่าวมีประโยชน์จริงในผู้ป่วยโรคไต ในขณะเดียวกันยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่ขายกันอยู่แต่ไม่มีหลักฐานงานวิจัยสนับสนุน และสมุนไพรเหล่านี้ ยังไม่มีตัวไหนได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาว่าสามารถใช้รักษาโรคไตได้
จากเหตุผลที่กล่าวมาพอจะสรุปได้ว่าการที่ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังลองทานยาสมุนไพรรักษาโรคไตนั้นน่าจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ โดยเราต้องอย่าลืมว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีค่าการทำงานของไตลดลงอยู่แล้ว ซึ่งการรักษาที่ดีที่สุดคือการดูแลปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อชะลอการเสื่อมของไตให้ช้าที่สุด รวมทั้งหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เกิดความเสี่ยงต่อไตทั้งหมด
ขอขอบคุณ https://www.sanook.com
ข้อมูล :น.อ.นพ.พงศธร คชเสนี อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
ภาพ :iStock