โรคภูมิแพ้ ลมพิษ เกิดเพราะพันธุกรรม อาหารแสลงและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะตัว มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล ไซนัสอักเสบ ตาแดง ตาบวม ผื่นคันตามผิวหนัง บางคนท้องเสีย ทางเดินปัสสาวะอักเสบ โรคอาจเกิดรุนแรงถึงขั้น หายใจไม่ออก หอบหืด และอาจมีอันตรายได้มากอาจถึงขั้นช๊อคเพราะร่างกายขาดออกซิเจน สาเหตุแท้จริงเพราะ เซลล์เม็ดเลือด มีความไวต่อสิ่งที่เข้ามากระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ฝุ่น แมลง เกสรดอกไม้ เชื้อโรค ความร้อน ความเย็น สายลมแสงแดด ผลที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนที่เกิดโรคภูมิแพ้ ลมพิษ คือมีสารที่หลั่งออกมาจากเซลล์เม็ดเลือดขาว ออกสู่น้ำเหลือง เลือด และเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดอาการเฉพาะเนื่องจากเส้นเลือดฝอยขยายตัว สารพิษที่หลั่งออกมาจากเม็ดเลือดขาว และเซลล์อื่นๆ ที่ถูกกระทบ ก่อให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่ มีอาการ บวมแดง ผื่นแดง คันตามผิวหนัง จมูกคัด ไอ จาม น้ำมูกน้ำตาไหล ละอาการอื่นๆ
ทางแก้ คือ อาหาร และยาแก้แพ้ผลการรักษาทำให้ทุเลาจนถึงหายได้ทั้งนี้อยู่ที่ความประพฤติของตนเอง การกินยาแก้แพ้ ฉีดวัคซีน แก้แพ้ หรือยาปฎิชีวนะ เพื่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราบางชนิดก็แก้ได้ แต่หากใช้ไปนานมีผลเสีย อาการข้างเคียงเป็นท้องเสียเรื้อรัง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย การติดเชื้อจากเชื้อโรคน้อย เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง ดังนั้นยาแก้แพ้ ถ้าจะกินก็ควรกินแต่น้อย เอาเฉพาะเท่าที่มีผลดีต่อตนเอง และมาเน้นการรักษาด้วยอาหาร อาหารซึ่งมีผลดีต่อโรคภูมิแพ้ อาหารซึ่งเราไม่แพ้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโปรตีน แป้ง และน้ำตาล ไขมัน ผักและผลไม้ การเลือกอาหารที่ปลอดสารพิษเสมอ อาหารที่ควรเน้นคือ ข้าวกล้อง ถั่ว ยา ผัก ผลไม้สด พืชลงหัว เช่น เผือก มัน ขิง ข่า ขมิ้น มะเขือทุกชนิด มะแว้ง ผักเขียว ผักรสขม เช่น ขี้เหล็กสะเดา มะระจีน มะระขี้นก ผักรสเปรี้ยว ฝาด เช่น ยอดมะกอก ยอดมะม่วงหิมพานต์ ดอกสะเดา อาทิ หอมกระเทียม คื่นฉ่าย พริก พริกไท ดีปลี สาระแหน่ ผักชี กระเพรา ยี่หร่า อาหารปรุงที่ดี เช่นส้มตำ แกงเลียง ชุปฟักทอง ต้มมะระกับซี่โครงหมู ผักน้ำพริก ปลาทู (ออร์กานิค) ตุ๋น ขนมจีนน้พริก น้ำยา ข้าวราดแกงปักต์ใต้ใส่ผักมาก ดื่มน้ำ มะกรูด มะนาว น้ำส้ม กินผักเขียวเก็บที่ต้น เช่น ตำลึง ฟักแม้ว หัวปลี บัวบก มะเขือ มะเขือพวง มะเขือเทศ ฟักข้าว ลูกเบอรี่ ลูกหว้า หม่อน มะเม่า มะม่วง มะละกอ มะขวิด มะเฟือง มะไฟ มะดัน น้ำผึ้ง เกสรผึ้ง ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม ลดเค็ม ส่วนน้ำเพื่อบริโภคให้ดื่มน้ำบริสุทธิ์ วันละ 2 ลิตร โดยประมาณ อาหารดังกล่าวหากเตรียมได้เองก็จะดีมาก แล้วได้สิ่งที่ประสงค์ที่แท้จริง หากต้องซื้ออาหารสำเร็จรูป ก็คงหวังได้ยากว่าจะให้สิ่งนั้นๆ
กาแก้โรคภูมิแพ้ ผื่นคันลมพิษได้อย่างใดงานดังกล่าวคืออาหารที่ไม่มีโทษ ทำแต่พอดี มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ อยู่ในที่มีแสงสว่าง ได้แสงแดด อากาศดีปลอดโป่ง มีต้นไม้ช่วยกรองสารพิษในอากาศ นอนดีในห้องที่โปร่งโล่ง ไม่มีละออง ฝุ่น เชื้อรา แมลง ด้านการนอน นอนห้องแอร์สะอาด หรือนอนไม่ใช่แอร์ เสื้อผ้าความใส่ไม่คับเกินไป ไม่หนาเกินไป เพราะต้องการให้ผิวหนังมีการแลกเปลี่ยนอากาศกับภายนอกร่างกายได้การออกกำลัง ควรทำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ วันละ 30 – 45 นาที เป็นอย่างน้อย ในสถานที่ โล่งแจ้ง ถ้ามีแสงแดดอ่อนๆ ช่วยด้วยยิ่ง เพราะผิวหนังให้รับแสงและสังเคราะห์ วิตามินดี จากแดด ช่วยให้กระดูกแข็ง และแสงแดดกระตุ้น การสร้างฮอร์โมนเพิ่มการเจริญเติบโต จากต่อมสมอง ส่วนชนิดการออกกำลังกายนั้น ไม่จำเป็นต้องระบุ เพียงแต่ให้ทำสิ่งที่เราชอบ และทำให้สม่ำเสมอ ซึ่งโดยแต่ให้ทำสิ่งที่เราชอบ และทำได้สม่ำเสมอ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การเดิน วิ่งจะดีที่สุด เพราะทำให้ทันทีไม่ต้องการตัวช่วยมาก ค่าใช้จ่ายถูก ทำได้นานคงทนและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม การอาบน้ำ ขัดผิว ช่วยขวัดพิษออกทางผิวหนังได้เช่นกัน งานฝึกสติ ให้มีความระลึกอยู่กับปัจจุบันเสมอ ก็มีส่วนสำคัญ ทำให้อารมณ์ดี สมองหลั่งสื่อประสาท ควบคุมให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำหน้าที่ตามปกติ อาการของโรคภูมิแพ้หายไปโรคภูมิแพ้รักษาได้ไม่ยาก หากรู้จักวิธีเลือกกินเลือกอยู่ เลือกงาน ทำอย่างฉลาดปราศจากโทษ ดังนั้น กินอาหารดี ทำการงานที่ไม่มีโทษ สามารถแก้โรคภูมิแพ้ ลมพิษได้โดยใช้ยาแก้ภูมิแพ้แต่น้อย หรือไม่ต้องใช้ยา ทั้งนี้สิ่งที่พึงระลึกเสมอคือ ความต่อเนื่องสำคัญยิ่งเราจึงต้องเตือนตนเองให้ กินดี ทำงานดีทุกวัน เมื่อทำได้ดังนี้โรคภูมิแพ้ก็จะหายไปในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ. วีระสิงห์ เมืองมั่น โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
ข้อมูลภาพ : google