สะเก็ดเงิน เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังอีกโรคหนึ่งที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย เกิดจากการปรวนแปรของภูมิคุ้มกันของร่างกาย และไปกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนัง โดยมีพื้นฐานมาจากพันธุกรรมและสิ่งกระตุ้นจากภายนอก พบได้บ่อยในช่วง อายุ 20 ปีและ 40 ปีขึ้นไป โดยพบได้ประมาณ ร้อยละ 1 – 2 ของประชากรทุกเชื้อชาติ ทั้งเพศหญิงและเพศชายพบได้เท่ากัน
สาเหตุของโรค
โรคสะเก็ดเงินมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม สิ่งกระตุ้นภายนอก และนอกจากนี้ยังพบว่าโรคสะเก็ดเงินมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน
อาการ
- มีผื่นหนาสีแดง ขอบชัดเจนคลุมด้วยขุยหนาขาวคล้ายสีเงินซึ่งสามารถขูดออกได้ง่าย และเมื่อขูดขุยหมดจะมีจุดเลือดออกบนรอยผื่น
- ผื่นอาจเกิดบนรอยแผลถลอกหรือรอยแผลผ่าตัด
- ผื่นผิวหนังมักกระจายในบริเวณที่มีการเสียดสี ศีรษะ ไรผม หลัง สะโพก ศอก เข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- เล็บ พบมีหลุม เล็บร่อน ปลายเล็บหนามีขุยใต้เล็บ หรือ จุดสีน้ำตาลใต้เล็บ
- ข้อมีการอักเสบของข้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งข้อใหญ่ ข้อเล็ก เป็นข้อเดียวหรือหลายข้อ และอาจจะมีข้อพิการตามหลังการอักเสบเรื้อรัง
ลักษณะผื่น
พบได้หลายลักษณะ เช่น
- ผื่นหนาเฉพาะที่หรือการกระจายในบริเวณที่มีการเสียดสี ศีรษะ ไรผม สะโพก ศอก เข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- ผื่นขนาดเล็กเท่าหยดน้ำ หรือเล็กกว่า 1 เซนติเมตร กระจายทั่วตัว พบบ่อยในเด็ก ตามหลังการเกิดไข้ 1 – 2 สัปดาห์
- ผิวหนังแดงลอกทั่วตัว หรือผื่นชนิดตุ่มหนอง พบตุ่มหนองเล็ก ๆ ที่ปราศจากเชื้อโรค บนผื่นสีแดง อาจเป็นเฉพาะที่ เช่น ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือกระจายทั่วตัว
- ความผิดปกติของเล็บ เช่น เล็บล่อน ปลายเล็บหนามีขุยใต้เล็บ หรือจุดสีน้ำตาลที่เล็บ อาจพบการอักเสบของข้อซึ่งเป็นได้ทั้งข้อใหญ่ ข้อเล็ก เป็นข้อเดียวหรือหลายข้อ และอาจมีข้อพิการตามหลังการอักเสบเรื้อรัง
การรักษา
การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคแก่ผู้ป่วยและญาติว่า สะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่สามารถควบคุมโรคได้ เป็นโรคที่ไม่ติดต่อ มีสาเหตุที่จะทำให้โรคกำเริบขึ้น ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยงสาเหตุเหล่านั้น เช่น การดื่มเหล้า ความเครียด
วิธีการรักษามีหลายวิธี
- ยาทา
- น้ำมันดิน Dithranol
- สเตียรอยด์ Calciprotriol ยารับประทาน
- ยาฉีด Biologic
- การฉายรังสีอัลตราไวโอเลต
ข้อควรระวัง* ยารับประทานบางชนิดมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรใช้ในขณะที่เป็นมาก ยาบางขนานอาจทำให้โรคกำเริบจึงควรหลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานหรือทาเอง
ข้อมูล : พญ.รัศนี อัครพันธุ์ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลกรุงเทพ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bangkokhospital.com/