เรื่องควรรู้
ปิด
- ผื่น เป็นหนึ่งในอาการเมื่อเกิดการติดเชื้อไวรัส HIV ขึ้น อาการมักจะเกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกหลังได้รับเชื้อ
- อาการผื่นไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในอาการของการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นอาการที่เกิดได้จากยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV ด้วย
- ผื่น สามารถทำให้เกิดอาการคันได้ทั่วร่างกาย อีกทั้งผื่นบางชนิดยังอาจมีอาการรุนแรงได้ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
- วิธีรักษาอาการผื่นโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาโดยใช้ยา ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดผื่น แต่ผื่นที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV นั้น จะต้องรักษาโดยการรักษาภูมิคุ้มกัน และควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสลุกลามหนักกว่าเดิม
- หากคุณคิดว่า ตนเองอาจได้รับเชื้อไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกาย คุณควรรีบไปตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุดกับแพทย์ เพื่อจะได้รีบหาวิธีรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ (ดูแพ็กเกจตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่นี่)
ผื่น เป็นอาการของการติดเชื้อไวรัส HIV ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกหลังจากที่ได้รับเชื้อไวรัส แต่ผื่นนี้ก็มักจะถูกเข้าใจว่า เป็นผื่นของการติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นเช่นเดียวกับอาการในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV อื่นๆ ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะระบุผื่นชนิดนี้ และวิธีการรักษาจึงสำคัญ
สาเหตุที่ทำให้เกิดผื่น
90% ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus: HIV) จะมีอาการทางผิวหนังในบางระยะของการเป็นโรค ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ อาการผื่นขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนมาจากการติดเชื้อไวรัส HIV โดยตรง หรืออาจเกิดจากผลข้างเคียงของการใช้ยาที่รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV ก็ได้แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจไม่ใช่แค่ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา แต่อาจถึงขั้นต้องนอน รพ.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่กด
ยาที่รักษาโรค HIV
ยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ที่สามารถทำให้เกิดผื่นได้
- Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs) เช่น Nevirapine (Viramune) เป็นยาที่ทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนังได้บ่อยที่สุด
- Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTI) เช่น Abacavir (Ziagen)
- Protease inhibitors (PIs) เช่น amprenavir (Agenerase) และ tipranavir (Aptivus)
อาการที่ต้องสังเกต
ไม่ว่าผื่นนั้นจะเกิดจากการใช้ยา หรือจากตัวเชื้อไวรัส HIV เองก็ตาม ผื่นนั้นมักจะเป็นผื่นแดงแบนบนผิวหนังที่มีตุ่มนูนแดงอยู่ด้านบน
อาการหลักของผื่น ก็คือ อาการคัน ซึ่งสามารถขึ้นได้ที่ร่างกายส่วนใดก็ได้ แต่มักจะพบที่ใบหน้า และหน้าอก และบางครั้งอาจจะพบที่เท้า และมือ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดแผลที่ปากได้อีกด้วย
ความรุนแรงของผื่น
ผื่นบางชนิดอาจจะมีอาการไม่รุนแรง ในขณะที่บางอันอาจจะทำให้เกิดการทำลายผิวหนังอย่างรุนแรง และทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หนึ่งในผื่นที่พบได้น้อยแต่รุนแรงซึ่งอาจเกิดจากการใช้ยา จะเรียกว่า “ผื่นกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome: SJS)” และเมื่อผื่นชนิดนี้มีอาการมากกว่า 30% ของร่างกาย จะเรียกว่า “Toxic Epidermal Necrolysis”
อาการของกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน ประกอบด้วยแพ็กเกจที่คุณอาจสนใจไม่ใช่แค่ปวดหัวตัวร้อนธรรมดา แต่อาจถึงขั้นต้องนอน รพ.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่กด
- ตุ่มน้ำบนผิวหนังและเยื่อบุ
- ผื่นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
- มีไข้
- ลิ้นบวม
การรักษา
การควบคุมไวรัส และการรักษาภูมิคุ้มกันจะช่วยทำให้อาการทางผิวหนังนั้นไม่รุนแรง และพบได้น้อยลง ทั้งยังทำให้ผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อนั้นสามารถรักษาได้ง่ายขึ้น
การรักษาที่ใช้มากที่สุดก็การใช้ยา โดยขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่น การใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) หรือ diphenhydramine (Benadryl) นั้นอาจจะช่วยลดอาการคัน และขนาดของผื่นได้ ผื่นที่รุนแรงกว่านั้นอาจจะต้องใช้ยาที่แพทย์สั่งจ่าย
การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต
นอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว การปรับวิธีการใช้ชีวิตบางอย่างก็อาจช่วยลดอาการของการเกิดผื่นที่ไม่รุนแรงได้ โดยผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงความร้อน น้ำร้อน การโดนแดดโดยตรงเพื่อให้ผื่นดีขึ้น
บางครั้ง การเริ่มยาตัวใหม่ ลองสบู่ หรืออาหารใหม่ๆ นั้นอาจจะเกิดขึ้นพร้อมกับผื่นได้ ในกรณีเหล่านี้ ผื่นนั้นอาจจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ได้ ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อไวรัส HIV ควรไปพบแพทย์ หากสังเกตเห็นผื่นขึ้นตามร่างกายและไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร
เมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์
ผู้ที่ไม่แน่ใจว่าสาเหตุของผื่นนั้นมาจากอะไร และคิดว่าตัวเองอาจจะได้รับเชื้อไวรัส HIV ก็ควรไปพบแพทย์ และแจ้งอาการที่เกิดขึ้นเพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำมากขึ้น
เชื้อไวรัส HIV มักจะติดต่อหากันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อนี้ คุณจึงต้องรู้จักป้องกันตนเอง สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ อย่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ไม่ใช้ยาเสพติด เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไวรัส HIV
ขอบคุณที่มา : honestdocs