เรื่องกลิ่นตัว เราเชื่อว่ามีกันทุกคน ยิ่งในอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรา แค่ก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ บางทีก็เหงื่อซึมกลางหลังเรียบร้อยแล้ว แต่ในบรรดากลิ่นตัวก็จะมีแบ่งระดับออกไปอีก แบบที่ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายก็พอจะเอาอยู่ในระหว่างวันได้ กับแบบที่ใช้อะไรก็เอาไม่อยู่ เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมกลิ่นตัวของคุณรุนแรงกว่าคนรอบข้างที่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเหมือนกัน แต่ผลลัพท์ที่ได้แตกต่างกัน
กลิ่นตัว มาจากไหน?
เหงื่อธรรมดาๆ โดยลำพังจากต่อมเหงื่อที่อยู่ตามแขนขา ลำตัว แผ่นหลัง จริงๆ แล้วไม่ได้มีกลิ่นนะคะ เป็นเหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Eccrine sweat gland ที่อยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทั่วไป ร้อนเมื่อไรก็มีเหงื่อออกมาช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายเมื่อนั้น แต่ที่เหงื่อมีกลิ่น มาจาก 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
– เหงื่อที่ผสมกับจุลินทรีย์ และแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนัง
– เหงื่อที่มาจากต่อมเหงื่อที่ชื่อว่า Apcocrine sweat gland ซึ่งมักเป็นเหงื่อที่มีลักษณะใสๆ เช่นกัน แต่มีความเหนียวเหนอะหนะมากกว่าเหงื่อปกติเล็กน้อย และมีกลิ่นที่รุนแรงกว่า โดยต่อมเหงื่อชนิดนี้จะอยู่บริเวณ รักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวหน้าอก ใบหู เป็นต้น
5 เหตุผลที่ทำให้คุณมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนปกติ
- อาหารรสจัด
ไม่ว่าจะเป็นเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หรืออาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทสเยอะๆ เครื่องเทศกลิ่นแรงอย่าง กระเทียม (ที่ทำให้ปากเหม็นไปด้วย) หัวหอม ข่า ตะไคร้ เครื่องแกะกะหรี่ พริก พริกไทย หรือผลไม้ที่มีสารกำมะถันอย่าง ทุเรียน สะตอ ชะอม ฯลฯ อาหารเหล่านี้มีส่วนเพิ่มดีกรีกลิ่นตัวให้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทาน หรือคนที่ทานน้อยกว่า แถมรสชาติเผ็ดร้อนยังเป็นการขับเหงื่อออกมาเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
- น้ำหนักเกินมาตรฐาน
ลองสังเกตดูว่าคนอ้วนมักมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนที่ผอมกว่า เพราะนอกจากคนอ้วนจะมีโอกาสที่อวัยวะภายนอกมีส่วนอับชื้น สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามรักแร้ ชั้นพุง ขาหนีบ ข้อพับต่างๆ มากกว่าคนผอมแล้ว ต่อมเหงื่อตามรักแร้ ขาหนีบ ยังผลิตเหงื่อออกมามากกว่าคนผอมอีกด้วย
- อาหารมัน อาหารทอด
อาหารมัน อาหารทอด เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (ว่าง่ายๆ ก็อ้วนนั่นแหละ) แถมยังกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ ขาหนีบอีกด้วย
- เนื้อแดง
เนื้อแดงอย่างเนื้อวัว และเนื้อสัตว์ใหญ่อื่นๆ มีส่วนทำให้มีกลิ่นตัวแรงขึ้น เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทานเนื้อแดง หรือเทียบกับช่วงที่ไม่ได้ทานเนื้อแดงในคนๆ เดียวกันAdvertisementReplay Ad
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่เหมาะกับตัวเอง
ของแบบนี้ก็เหมือนเครื่องสำอางทั่วไปนะคะ หากใช้อันนี้ไม่โอเค ก็ลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ใช่ แบบโรลออนไม่รอด ก็ลองแบบสเปรย์ แบบเทคโนโลยีล้ำๆ ไม่รอด ก็ลองสารส้มธรรมดาๆ ดูบ้าง อาจจะเหมาะกับเราสักอย่าง
iStock
เคล็ดลับช่วยลดกลิ่นตัวในแต่ละวัน
ระหว่างที่กำลังลดอาหารรสจัด อาหารมัน เนื้อแดง และลดน้ำหนักอยู่ อาจลองเคล็ดลับเหล่านี้ที่ช่วยลดกลิ่นตัวระหว่างวันได้
- สวมเสื้อผ้าที่มีความโปร่งสบาย ทั้งเนื้อผ้าที่มีการระบายอากาศได้ดี และการออกแบบที่ไม่คับแน่นจนเกินไป โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือคนอ้วน ที่อาจมีปัญหากับแขนเสื้อรั้งรักแร้ อาจยิ่งทำให้รักแร้อับชื้นผลิตเหงื่อออกมามากขึ้น รวมไปถึงกางเกงคับแน่นขาก็ควรหลีกเลี่ยงด้วย
- หากรู้สึกว่าเหงื่อออกบ่อยๆ ให้พกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย พร้อมกระดาษทิชชู่เปียกติดตัวไว้ด้วย ระหว่างวันก็เช็ดทำความสะอาดร่างกายตามรักแร้ ขาหนีบ ราวหน้าอก แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทับ ใครที่สะดวกอาบน้ำก็อาบน้ำได้เลย
- สครับผิวระหว่างอาบน้ำบ้าง เพื่อเป็นการขจัดขี้ไคล เซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมไปถึงกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไปจากผิว โดยอาจขัดตัว 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็ได้
- อย่าใส่เสื้อผ้าตัวเดิมซ้ำๆ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทุกวัน ตอนซักผ้าก็ดูแลบริเวณรักแร้ คอเสื้อ ชุดชั้นใน เป้ากางเกงอย่าให้มีกลิ่นอับชื้นจากเหงื่อซ้ำๆ บางครั้งกลิ่นอาจมาจากเสื้อผ้าที่ซักไม่สะอาดพอ
ขอขอบคุณ:sanook.com