เสียงพูดเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับมนุษย์ที่ไว้คอยสื่อสารพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจ อธิบายและใช้ในชีวิตประจำวัน และสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงในร่างกายคนเราก็คือกล่องเสียง จะเป็นทางผ่านในการหายใจ และเป็นส่วนที่ช่วยป้องกันอาหารไม่ให้ตกไปในหลอดลมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กล่องเสียงถือเป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่มักถูกมะเร็งจ้องเล่นงาน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้อง “ผ่าตัดกล่องเสียง” ก็คือเพื่อยับยั้งและเลี่ยงภัยคุกคามจากมะเร็ง นอกจากนั้นก็ยังมีสาเหตุอีกเช่นกันที่ทำให้ต้องได้รับการผ่าตัดกล่องเสียง อาทิ การผ่าตัดกล่องเสียงเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะเสียงของตัวเองเช่น สาวประเภทสองที่ต้องการเปลี่ยนเสียงให้เป็นผู้หญิง เป็นต้น
กล่องเสียงคืออะไร?
นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้อธิบายถึง กล่องเสียง ว่า เป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย อยู่ด้านหน้าของลำคอ มีหน้าที่สำคัญ 3 อย่าง คือ• เป็นทางผ่านของอากาศในการหายใจ
• ป้องกันอาหารไม่ให้ตกไปในหลอดลมขณะรับประทานอาหาร
• เป็นส่วนสำคัญในการเกิดเสียง
มะเร็งกล่องเสียง อันตรายแค่ไหน?
จากข้อมูลวิจัย มะเร็งกล่องเสียงจะพบได้ประมาณ 2% จากโรคมะเร็งทั้งหมด ซึ่งถือได้ว่าเป็นมะเร็งที่พบบ่อยชนิดหนึ่งในคนทั่วโลก โดยส่วนใหญ่การตรวจพบมะเร็งกล่องเสียง มักจะพบในผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปี ขึ้น ไป และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 4-5 เท่า ในประเทศไทย พ.ศ. 2544-2546 มักจะพบในผู้หญิงประมาณ 0.3 รายต่อประชากรหญิง 100,000 คน และในผู้ชาย 2.5 รายต่อประชากร 100,000 คน
ทั้งนี้ อวัยวะที่อยู่ติดกับกล่องเสียงทางด้านหน้า คือ ต่อมไทรอยด์ และอวัยวะที่อยู่ติดกับกล่องเสียงทางด้านหลัง คือ หลอดอาหาร ดังนั้น เมื่อเป็นมะเร็งกล่องเสียง โรคจึงลุกลามเข้าอวัยวะทั้งสองได้ง่าย จึงทำให้มะเร็งกล่องเสียงเป็นโรคที่อันตราย และคุกคามชีวิตผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว
ปัจจัยเสี่ยงอะไร ที่ทำให้เป็นมะเร็งกล่องเสียง?
นพ.อุทัย ประภามณฑล ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งกล่องเสียง ว่า มีโอกาสเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
• ส่วนใหญ่เกิดจากการสูบบุหรี่ ที่มีสารทำลายกล่องเสียง และก่อเกิดมะเร็ง
• การดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• การขาดสารอาหารบางชนิด โดยพบได้สูงในคนที่ขาดการกินผักและผลไม้
• การเป็นโรคกรดไหลย้อน
• ฝุ่นละอองจากสารบางชนิดเรื้อรัง เช่น ฝุ่นไม้ หรือ ฝุ่นแร่ใยหิน (asbes tos)
• การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี
มีอาการอย่างไร เมื่อเป็นมะเร็งกล่องเสียง?
สัญญาณเตือนของมะเร็งกล่องเสียง สามารถสังเกตได้จากอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
• เสียงแหบ
• เจ็บคอ
• ไอมีเสมหะ อาจมีเสมหะปนเลือด
• ปวดหู
• เมื่อก้อนเนื้อโตมาก จะอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หายใจไม่ออก หายใจติดขัด
• คลำได้ต่อมน้ำเหลืองลำคอโต ไม่เจ็บ
มะเร็งกล่องเสียงระยะไหน อันตรายที่สุด?
พัฒนาการของมะเร็งเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรรู้ เพื่อใช้ประกอบกับการสังเกตอาการ โดยความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับระยะลุกลามของโรค ทั้งนี้ นพ.อุทัย ประภามณฑล ได้อธิบายถึงระยะของมะเร็งกล่องเสียง เอาไว้ว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ดังต่อไปนี้
• ระยะที่ 1 : ก้อนมะเร็ง ลุกลามอยู่เฉพาะในกล่องเสียงเพียงตำแหน่งเดียว
• ระยะที่ 2 : ก้อนมะเร็งลุกลามเข้ากล่องเสียงตั้งแต่สองตำแหน่งขึ้นไป
• ระยะที่ 3 : ก้อนมะเร็ง ลุกลามจนสายเสียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และ/หรือ มีต่อมน้ำเหลืองลำคอขนาดเล็กไม่เกิน 3 ซม. เพียง 1 ต่อม
• ระยะที่ 4 : ก้อนมะเร็ง ลุกลามเข้าผิวหนัง และ/หรือ ต่อมไทรอยด์ และ/หรือ หลอดอาหาร และ/หรือ มีต่อมน้ำเหลืองลำคอโตหลายต่อม และ/หรือ ต่อมน้ำเหลืองลำคอขนาดโตมากกว่า 6 ซม. และ/หรือ มีโรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิตไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่พบบ่อย คือ เข้าสู่ปอด
ทั้งนี้ หากพบเห็นอาการที่เป็นสัญญาณเตือนควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพราะยิ่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งมีโอกาสหายเป็นปกติได้มากขึ้นเท่านั้น กลับกันหากปล่อยทิ้งไว้ให้มะเร็งลุกลามไปถึงระยะท้ายๆ โอกาสที่จะมีอันตรายถึงชีวิตก็มีสูงขึ้นตามไปด้วย
วิธีการรักษามะเร็งกล่องเสียง ทำได้อย่างไรบ้าง?
นพ.อุทัย ประภามณฑล ได้อธิบายถึงแนวทางในการรักษามะเร็งกล่องเสียงว่า สามารถทำได้หลักๆ 3 วิธี คือ
1. การผ่าตัด
2. การฉายรังสี
3. การให้ยาเคมีบำบัด
การรักษามะเร็งกล่องเสียงด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดในผู้ป่วยแต่ละรายจะแตกต่างกันไปตามระยะของมะเร็ง สำหรับมะเร็งในระยะแรก การผ่าตัด จะเป็นเพียงการตัดบางส่วนของกล่องเสียงออกไป ซึ่งในที่สุดผู้ป่วยก็ยังสามารถหายใจและ พูดได้โดยอาศัย กล่องเสียงในส่วนที่เหลืออยู่ แต่หากเป็นมะเร็งในระยะลุกลาม การรักษาจำเป็นต้องตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด (total laryngectomy) ผู้ป่วยกลุ่มหลังนี้จะมีรูเปิดของหลอดลมออกมาทางด้านหน้าของคออย่างถาวร ซึ่งผู้ป่วยต้องใช้รูเปิดนี้สำหรับการหายใจ และผู้ป่วยจะไม่สามารถพูดมีเสียงได้
ทั้งนี้ นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 ยังได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า วิธีผ่าตัดกล่องเสียงเพื่อรักษามะเร็ง สามารถทำได้ด้วยรูปแบบต่างๆ ตามจุดประสงค์ของการรักษาและระยะของโรค ดังนี้
• Vocal cord stripping เป็นการผ่าตัดเอาเฉพาะเยื่อบุผิวชั้นนอกของเส้นเสียงออก ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งระยะแรกเท่านั้น ผู้ป่วยสามารถพูดและหายใจได้ตามปกติหลังการผ่าตัด
• การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ อาจใช้ในการรักษาโรคมะเร็งระยะแรกเท่านั้น
• การตัดเส้นเสียง (Cordectomy) อาจผ่าตัดเส้นเสียงออกทั้งสองข้างซึ่งอาจทำให้เสียงแหบหลังการผ่าตัด ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งระยะแรกเท่านั้น
• การผ่าตัดกล่องเสียงออกบางส่วน ก้อนมะเร็งขนาดเล็กที่กล่องเสียงสามารถรักษาโดยการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งและกล่องเสียงออกเพียงบางส่วนได้ทำให้มีโอกาสที่จะพูดได้หลังการผ่าตัด
• การผ่าตัดกล่องเสียงออกทั้งหมด ใช้ในกรณีก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่หรือลุกลามอวัยวะข้างเคียง หลังการผ่าตัดต้องมีการเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจร่วมด้วย และจะไม่สามารถพูดได้หลังการผ่าตัด
• การผ่าตัดเนื้อเยื่อ และต่อมน้ำเหลืองที่คอ เนื่องจากโรคมะเร็งมักมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอ จึงต้องผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองออกไปด้วยการผ่าตัดมากน้อยเท่าใดขึ้นกับระยะของโรค
• การเจาะคอ ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มาก หรือมีการอุดตันของท่อลมผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการเจาะคอแล้วใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อช่วยระบบการหายใจ
นพ.อุทัย ประภามณฑล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ศีรษะ ลำคอ หลอดลม และกล่องเสียง ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้แนะนำถึงแนวทางการปฏิบัติตนหลังผ่าตัดกล่องเสียงของผู้ป่วยมะเร็งกล่องเสียง ว่า ควรปฏิบัติตัว ดังนี้
• ผู้ป่วยจะยังคงได้รับสารน้ำและเกลือแร่เข้าทางหลอดเลือดดำ
• ผู้ป่วยไม่สามารถกินอาหารทางปากได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
• ผู้ป่วยจะได้รับอาหารเหลวทางท่อที่ใส่ผ่านทางจมูกลงไปยัง กระเพาะอาหาร (nasogastric tube)
• หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ หลังผ่าตัด 10–14 วัน แพทย์จึงเริ่มให้ผู้ป่วยกินอาหารทางปาก
ภาวะแทรกซ้อน หลังผ่าตัดกล่องเสียงมีอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่มักพบได้บ่อยหลังการผ่าตัดกล่องเสียง เพื่อรักษามะเร็ง ได้แก่ การรั่วของผนังทางเดินอาหารในส่วนที่เย็บซ่อมไว้หลังจากการตัดกล่องเสียงออก (fistula) ซึ่งกรณีดังกล่าวผู้ป่วยต้องพักอยู่ในโรงพยาบาลนานขึ้น เพื่อดูแลและทำความสะอาดแผล และจำเป็นต้องให้อาหารทางท่อให้อาหารนานกว่าปกติ จนกว่าแผลรูรั่วดังกล่าวจะสมานจนเป็นปกติ
ทั้งนี้ ผลแทรกซ้อนดังกล่าวไม่รุนแรงถึงชีวิต เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยต้องอยู่โรงพยาบาลนานขึ้นและสิ้นเปลืองค่ารักษามากขึ้นเท่านั้น
จะพูดได้หรือไม่ หลังผ่าตัดกล่องเสียง?
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การผ่าตัดกล่องเสียงมีอยู่ด้วยกันหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะลุกลามของโรค อย่างไรก็ดี หากผู้ป่วยไม่ได้รักษาแบบผ่าตัดกล่องเสียงทิ้งทั้งหมด ภายหลังจากการผ่าตัดกล่องเสียงแล้ว ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการฝึกพูดได้ โดยหลังจากที่อาการดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถรับการฝึกพูดได้ด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่
• สร้างเสียงจากหลอดอาหาร (esophageal voice)
• ใส่กล่องเสียงเทียม (tracheoesophageal prosthesis)
• ใช้เครื่องช่วยพูดแบบใช้ไฟฟ้า (electrolarynx)
การรักษามะเร็งกล่องเสียง ด้วยการฉายรังสี
นพ.อุทัย ประภามณฑล ได้อธิบายถึง การรักษามะเร็งกล่องเสียง ด้วยวิธีการฉายรังสี ว่าป็นการใช้รังสีที่มีพลังงานสูงฆ่าเซลล์มะเร็งหรือทำให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง การฉายรังสีจากภายนอกเป็นการรักษาหลักในมะเร็งกล่องเสียง ซึ่งอาจใช้รักษาแทนการผ่าตัดในก้อนมะเร็งขนาดเล็กหรือใช้ในผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสมในการผ่าตัด นิยมใช้การฉายรังสีร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด ปกติจะให้การรักษา 5 วันต่อสัปดาห์ จำนวนครั้งในการฉายรังสี 30-35 ครั้ง
ผลข้างเคียงจากการฉายรังสี
• ปากแห้ง
• กลืนลำบาก
• สีผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีเปลี่ยนไป
• เจ็บปากและคอ ทำให้ทานอาหารลำบาก น้ำหนักลด จะเริ่มมีอาการเมื่อฉายรังสีไปประมาณ 2 สัปดาห์ และอาการจะทุเลาลงหลังฉายรังสีครบแล้วประมาณ 2 สัปดาห์
• หายใจลำบาก เนื่องจากกล่องเสียงที่บวมมากขึ้นหลังการฉายรังสี
• เสียงแหบ
• รับรสชาติอาหารได้ลดลง
การรักษามะเร็งกล่องเสียง ด้วยการให้ยาเคมีบำบัด
นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการรักษามะเร็งกล่องเสียง โดยขึ้นอยู่กับอาการและการพิจารณาของแทพย์ โดยมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ดังนี้
• คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร
• ผมร่วง
• เม็ดเลือดขาวต่ำ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
• เลือดออก หรือฟกช้ำได้ง่ายเมื่อได้รับการกระทบกระแทก เนื่องจากเกร็ดเลือดต่ำ
ขอขอบคุณข้อมูล:phyathai.com