ทำไมถึงเกิดคำถามนี้ขึ้น ทั้งๆที่น้ำหนักตัวก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ แต่การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพกลับชัดเจน จนทำให้เราเกิดความวิตกว่าร่างกายของเรากำลังเป็นอะไร เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรกับร่างกายของเราบ้างนะ เรากำลังคิดเป็นเองหรือร่างกายกำลังฟ้องว่าอ่อนแอกันแน่ อาการที่ผิดปกติเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อย่าทำให้อาการเลวร้ายจนแก้ไม่ทัน มาลองหาสาเหตุของอาการนี้กันเลยดีกว่าค่ะ
อาการบวมเป็นสัญญาณต้นๆที่เตือนว่าร่างกายไม่ปกติ ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถเกิดได้กับอวัยวะหลายๆส่วน จะพร้อมกันหรือไม่ก็ได้ แม้ว่าอวัยวะส่วนนั้นๆจะไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนอะไรเลยก็ตาม การบวมเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้ง การอักเสบ การใช้งานร่างกายอย่างหนัก การรับประทานอาหารบางอย่างเกินที่ร่างกายจะรับไหว รวมไปถึงอาการแพ้บางอย่าง ทั้งหมดนี้สามารถทำให้คุณดูบวมตามส่วนต่างๆของร่างกายได้ทั้งนั้น อย่ามัวแต่เป็นกังวลกันเลยค่ะ เพราะสัญญาณการบวมเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้เราแก้ปัญหาสุขภาพได้ก่อนที่ร่างกายจะได้รับอันตรายไปมากกว่านี้
อาการแรกที่คนเป็นกันบ่อย ก็คือ ท้องบวม ซึ่งเมื่อเกิดอาการนี้แล้วจะสามารถเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน และเป็นสัญญาณของโรคร้ายหลายประการ เช่น โรคตับแข็งจากการดื่มสุรา ซึ่งอาการท้องบวมเป็นอาการข้างเคียงของโรคนี้, การเกิดเนื้องอกหรือมะเร็ง โดยอาการบวมจะมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น น้ำหนักลดลงหรืออาการปวดตามอวัยวะ, ท้องบวมเพราะทานเค็มเกินไป ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณโซเดียมเกิน เป็นต้น
อีกหนึ่งอาการบวมที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะเห็นได้ชัดเจน ก็คือ การบวมบริเวณใบหน้า เช่น อาการคางทูม หรือการติดเชื้อไวรัสผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ไวรัสที่เกิดขึ้นจะเคลื่อนจากระบบทางเดินหายใจไปยังต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู ทำให้เกิดการอักเสบและบวมแดง, การแพ้ยาอย่างรุนแรงหรือแพ้อาหารบางชนิด อาการจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่ได้รับยาหรืออาหารนั้นๆ, การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมหรือเกลือมากเกินไป เมื่อสะสมเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำหรือหน้าบวมได้, การติดเชื้อแบคทีเรียของเซลลูไลท์ใต้ผิวหนังก็ทำให้หน้าบวมได้ด้วย โดยจะปรากฏอาการร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ส่วนที่บวมจะมีสีแดงและอุ่นๆ, การบวมเพราะเกิดการอักเสบมาจากการติดเชื้อที่รากฟัน เป็นต้น รวมไปถึงอาการบวมบริเวณลำคอ ซึ่งเป็นอาการของโรคหลายโรค เช่น ไทรอยด์ ต่อมน้ำเหลืองโต มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือซีสต์ในลำคอ เป็นต้น
ช่วงล่างของร่างกายก็สามารถเกิดอาการบวมได้เช่นกัน ซึ่งมักเกิดขึ้นจากความผิดปกติของเส้นเลือด เช่นอาการขาบวมที่พบเพียงขาข้างเดียว มักถูกสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นเพราะหลอดเลือดดำบริเวณขาอุดตัน หรืออาจจะเป็นอาการเท้าบวมเนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ก็พบได้เช่นกัน นอกจากนี้ สำหรับคนที่เป็นโรคไต โรคตับ ก็อาจเกิดเป็นผลข้างเคียงของโรคในลักษณะของอาการเท้าบวมได้เช่นกัน หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยง หรือมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น มีอาการของโรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไต
เมื่อทราบถึงปัญหาไปแล้ว ก็ต้องทราบวิธีการแก้ปัญหาด้วย วิธีการลดอาการบวมที่ดีที่สุดจะต้องเริ่มจากการสังเกตตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่า อาการบวมที่เป็นอยู่มีสาเหตุมาจากอะไร ถ้าปัญหาที่เกิดเป็นเพียงเพราะเราประพฤติตนไม่เหมาะสม เช่น การบวมน้ำ เราก็แค่เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการบวม โดยหากอาการไม่ได้เกิดจากปัญหาสุขภาพที่รุนแรง สามารถบรรเทาอาการบวมด้วยตัวของคุณเองได้โดยการประคบเย็น และยกอวัยวะที่บวมให้สูงขึ้นกว่าส่วนอื่นๆ จะช่วยให้อาการบวมลดลงได้
หรือหากเกิดจากการแพ้ ก็ควรรู้ว่าแพ้อาหารหรือยาชนิดใด จะได้หลีกเลี่ยงสิ่งนั้น และรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ
แต่หากอาการบวมที่เกิดขึ้นเกิดเพราะโรคร้ายบางอย่าง หรือมีอาการรุนแรงอื่นๆข้างเคียง เช่น อาการเกี่ยวกับระบบหายใจ หัวใจ เกี่ยวกับเลือด เป็นต้น ก็ควรรีบรักษาโดยด่วนตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เพราะหากรักษาไม่ทันเวลาหรือมัวแต่เข้าใจผิดว่าอาการบวมที่เกิดเป็นเพราะความอ้วน อาจจะทำให้เราเสียชีวิตได้เลย หรืออาการที่เป็นอาจจะหนักหน่วงจนรักษาให้หายได้ลำบาก
นอกเหนือจากอวัยวะที่กล่าวไปแล้วข้างต้น คุณก็อาจจะเกิดอาการบวมตามบริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้อีก ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากหลายประการ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผลข้างเคียงมาจากการใช้ยาบางชนิด หรือเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดอาการขึ้น การดื่มน้ำเขาสู่ร่างกายมากเกินไป โดยหากคุณยังไม่แน่ใจว่าอาการบวมหรืออาการผิดปกติที่ตัวเองเป็นอยู่คืออะไรกันแน่ ก็อย่าวินิจฉัยโรคด้วยตัวเองแต่ควรนำตัวเองไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อจะได้รักษาความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างทันเวลา
แม้ว่าอาการบวมอาจจะยังไม่ใช่อาการที่ร้ายแรง แต่มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของอาการที่ร้ายแรงอื่นๆ และอาการบวมบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงอาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิตได้ เช่น หากมีอาการคอบวมมากๆ อาจจะมีผลต่อการกลืนอาหาร ทำให้กลืนลำบาก เป็นต้น ดังนั้น อาการบวมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเพิกเฉย แต่เมื่อพบเจอความผิดปกติเมื่อไหร่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.สุขภาพน่ารู้.com/