บรรเทาไซนัสอักเสบ
เมื่ออากาศเริ่มหนาว ร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็ย่อมเกิดโรคภัยได้ง่าย อาการป่วยหรือไม่สบายที่มักจะพบเจอได้บ่อยๆก่อนที่จะเป็นไข้ก็คงเป็นอาการจำพวกที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ ที่มักจะเป็นไปได้อย่างลำบากมากขึ้น เกิดอาการรูจมูกอุดตัน ซึ่งเมื่ออาการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อใดก็คงทำให้ใช้ชีวิตอย่างลำบากน่าดู
แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่ได้ยากต่อการรักษา แต่ก็ต้องไม่ปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอ เพราะโรคเหล่านี้เป็นเพียงแค่อาการเริ่มต้นที่หากเราไม่ดูลัวเองให้ดี ก็มีโอกาสที่อาการจะแย่ลงหรือป่วยเป็นโรคที่มีความร้ายแรงมากยิ่งขึ้น บางรายอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการไซนัสอักเสบ ซึ่งทำให้ใช้ชีวิตไม่สนุกเหมือนเดิม
อาการของไซนัสอักเสบจะเกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุไซนัส ซึ่งอยู่บริเวณโหนกแก้ม โพรงจมูก และกระดูกหน้าผาก ซึ่งล้วนแต่เป็นอวัยวะที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจทั้งสิ้น อาการที่เกิดขึ้นเมื่อป่วยเป็นโรคดังกล่าว ได้แก่หายใจติดขัด คัดจมูกมีน้ำมูกที่มีสีเขียวหรือสีเหลืองข้น พร้อมๆกับอาการปวดบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก ระหว่างคิ้ว และหัวตา อาจมีอาการปวดฟันหรือมีกลิ่นปากร่วมด้วย ที่สำคัญคือผู้ป่วยจะมีไข้ อ่อนเพลีย มีอาการไอ เจ็บคอ อีกด้วย
อาการของไซนัสอักเสบสามารถแบ่งได้หลายระยะ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีระยะเวลาฟื้นตัวแตกต่างกันตามชนิดของการอักเสบ เช่น หากเป็นไซนัสแบบอักเสบเฉียบพลัน (Acute) มักเกิดร่วมกันโรคหวัด ระยะเวลาป่วยเพียงแค่ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน อาการจะทุเลาลงและหายดีภายในเวลาประมาณ 10 วัน แต่หากเป็นชนิดไซนัสอักเสบซ้ำซ้อน (Recurrent) การอักเสบก็จะเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ละครั้งที่มีอาการจะกินเวลานานมากกว่า 10 วัน และป่วยมากกว่า 3 ครั้งใน 1 ปี ซึ่งสาเหตุหลักๆของอาการไซนัสอักเสบเกิดมาจากการที่เยื่อบุไซนัสติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งปะปนผ่านเข้ามาทางการหายใจจนเนื้อเยื่อบวม โดยมากมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสมากกว่าแบคทีเรียในอัตราประมาณ 90% สารคัดหลั่งเมือกเหลวที่ถูกผลิตขึ้นจึงอุดตันและกลายเป็นน้ำมูกสีเขียวข้น ซึ่งก็คือหนองอักเสบนั่นเองในขณะที่การติดเชื้อจากแบคทีเรียจนต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อแบคทีเรีย และพบว่าผู้ป่วยจะเกิดอาการนานกว่า 10 วัน
ปัจจัยหลายๆปัจจัยไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศ ภูมิคุ้มกันร่างกาย เนื้องอกในจมูก ต่ำ หรือเป็นคนชอบสูบบุหรี่จัด ล้วนแต่มีผลให้อาการไซนัสอักเสบเกิดขึ้นและกินระยะเวลาที่ยาวนานได้ เพราะฉะนั้น ต้องพยายามรักษาตัวเองให้ปลอดจากโรคไซนัสอักเสบและโรคข้างเคียงเหล่านี้ด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่คุณมีอาการต่างๆเหล่านี้ร่วมกัน จะยิ่งทำให้หายป่วยช้าลงไปอีก
หลังจากที่ทราบที่มาของโรคกันไปแล้ว ก็ต้องทราบวิธีการรักษาเพื่อให้หายจากโรคด้วย การรักษาโรคไซนัสอักเสบสามารถทำได้หลายวิธี จะใช้การรักษาทางการแพทย์ หรือใช้วิธีธรรมชาติเพื่อช่วยเสริมให้หายจากโรคก็ทำได้เช่นกัน
หนึ่งในตัวช่วยที่หลายคนเชื่อว่าจะช่วยให้อาการไซนัสอักเสบดีขึ้นก็คือการเอาพืชที่อยู่ในธรรมชาติมาบำบัดร่างกาย ซึ่งพืชชนิดนั้น ก็คือ “ฮอสแรดิช (horseradish)” รากพืชที่มีคุณประโยชน์ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เพราะน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในตัวมัน ซึ่งน้ำมันหอมระเหยชนิดนี้มีคุณสมบัติที่ดีในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ และมีคุณสมบัติในการช่วยกำจัดเมือกออกไปจากร่างกาย โดยการเปลี่ยนเยื่อเมือกที่สะสมอยู่ให้กลายเป็นของเหลวเพื่อง่ายต่อการขับนั่นเอง ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนและอุดมไปด้วย วิตามินและแร่ธาติอีกหลายชนิดด้วย
วิธีการเตรียมให้นำเอาพืชชนิดนี้มาใช้ก็คือการขูดฮอสแรดิชให้เป็นผงเล็กๆประมาณ 50 กรัม ใส่ผสมลงไปในน้ำเปล่าครึ่งลิตร จากนั้นเติมแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปผสมนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติเมื่อเตรียมเสร็จให้เก็บใส่ขวดที่มีฝาปิดสนิทแล้วบ่มไว้ก่อน10 วันที่อุณหภูมิห้อง โดยนำขวดออกมาเขย่าบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อเก็บจนครบเวลาก็สามารถนำมารักษาร่างกายได้เลย
วิธีการใช้ไม่ได้ให้ดื่มทาน แต่ให้เปิดขวดเพื่อสูดดมไอระเหยภายในขวดเป็นเวลา 5 นาทีต่อการสูดดม 1 ครั้ง โดยสามารถสูดดมได้วันละหลายๆครั้งตามความต้องการ ทำการรักษาเช่นนี้ติดต่อกันประมาณ 5 วัน อาการไซนัสอักเสบที่เป็นอยู่ก็จะทุเลาลง แต่ถ้ายังไม่หายสามารถทำซ้ำได้แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือนนะคะ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้พืชชนิดนี้มาบำบัดอาการไซนัสอักเสบได้ ก็คือนำฮอสแรดิช 50 กรัม ใส่ลงไปในน้ำเดือดครึ่งลิตร จากนั้นจึงใช้ผ้าขนหนูคลุมเหนืออ่างและคลุมครอบศีรษะเอาไว้ แล้วจึงสูดดมไอระเหยเข้าไปให้เต็มปอด ฮอสแรดิชจะช่วยบรรเทาอาการไซนัสและป้องกันการอักเสบของรูจมูกที่เป็นอยู่ได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้คือวิธีง่ายๆที่อยากให้คุณลองทำเพื่อให้สามารถสูดอากาศได้เต็มปอดมากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของไซนัสที่กำลังเป็นอยู่ได้ และทำให้สามารถใช้ชีวิตทั้งตอนนอนหลับและตอนตื่นได้อย่างสบาย ไม่ต้องคอยกังวลกับความเจ็บป่วย อย่างไรก็ตาม สามารถรักษาอาการด้วยวิธีอื่นควบคู่กันไปด้วยในเวลาเดียวกันได้ เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีที่สุดตามอย่างที่ตัวเองต้องการได้ในทุกวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.สุขภาพน่ารู้.com/