เราเรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็กก็พอรู้ว่าผักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การกินผักจะช่วยให้แข็งแรง ปลอดโรค ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เหมาะสม ใครกินผักก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้
แต่เมื่อเราโตขึ้น การกินผักอาจจะไม่ได้มีแค่ด้านดีอย่างเดียงเสมอไปอีกแล้ว เพราะผักบางชนิดไม่เหมาะอย่างยิ่งกับคนบางคน หรืออาการบางอาการ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้ไว้เพื่อป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวของคุณ ผักที่เคยเป็นพระเอก จะเปลี่ยนกลายเป็นผู้ร้ายในแง่มุมไหนบ้าง มาเรียนรู้กันเลยค่ะ
แม้ผักจะเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากรับประทานไม่ถูกที่ ถูกเวลา ก็อาจจะทำให้เกิดอาการป่วยตามมาได้ แล้วผักอะไรบ้างที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก มีดังต่อไปนี้
1.กะหล่ำปลีดิบ
กะหล่ำปลีดิบมักจะเป็นผักที่คนนิยมรับประทานกับอาหารทอดๆ ย่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก หรืออาหารอื่นๆ ซึ่งการรับประทานในตอนที่ยังดิบกลับการเป็นผลร้ายอย่างยิ่งต่อคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไทรอยด์ในภาวะไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) ซึ่งจะเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ การรับประทานกะหล่ำปลีดิบจะทำให้ได้รับกอยโตรเจน ซึ่งเข้าไปขัดขวางการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ และเป็นผลทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำลงกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยโรคนี้จะรับประทานกะหล่ำปลีไม่ได้เอาเสียเลย เพราะแค่นำไปทำให้สุกก่อนรับประทาน สารกอยโตรเจนก็สลายตัวไปแล้ว และการรับประทานกะหล่ำปลีก็จะไม่มีอันตรายใดๆอีกต่อไป
2. ผักโขม
ผักโขมไม่ได้ดีต่อร่างกายของทุกคนเสมอไป โดยเฉพาะกับผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก และแคลเซียม หรือแม้กระทั่งคนที่ป่วยเป็นโรคไต เนื่องจากในผักชนิดนี้มีสารออกซาลิก (Oxalic Acid) ซึ่งเป็นสารต้านการดูดซึมธาตุเหล็ก และแคลเซียม ผู้ป่วยที่ขาดธาตุอาหารสำคัญนี้อยู่แล้วจึงไม่ควรที่จะรับประทานมันเข้าไป เพราะจะยิ่งทำให้โภชนาการที่ร่างกายต้องการลดต่ำลง ส่วนในคนที่มีปัญหาเรื่องไต อาจจะทำให้เกิดนิ่วในไตหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากขับกรดออกซาลิกออกไม่หมดได้ด้วย
3. ถั่วงอก
แม้ว่าถั่วงอกจะเป็นแหล่งของอาหารที่ดี ปลูกง่าย และรับประทานได้หลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะสมกับทุกคน เพราะในถั่วงอกมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์หรือมีสารฟอกขาวตกค้างอยู่มาก ยิ่งกินดิบยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น และใครที่กำลังอ่อนแอเ ด็กเล็ก หรือหญิงตั้งครรภ์ หรือคนที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันน้อย หากทานถั่วงอกที่ไม่สะอาดเพียงพอ ก็จะทำให้ได้รับเชื้อเหล่านี้ได้ง่าย
4.ถั่วฝักยาว
เช่นเดียวกับถั่วงอก ในถั่วฟักยาวก็มักจะมีสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่มากเช่นกัน โดยสารที่เป็นอันตรายที่มีโอกาสทำร้ายร่างกายเราก็คือ สาร “โมโนโครโตฟอส” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการเพาะปลูกและกำจัดศัตรูพืช ถั่วฝักยาวจะดูดซึมสารเคมีตัวนี้เอาไว้ภายใน และหากเราล้างไม่ดี ก็จะได้รับสารนี้ไปเต็มๆ ดังนั้น การรับประทานถั่วฝักยาวที่ถูกต้องจึงต้องหักเป็นท่อนๆแล้วแช่น้ำทิ้งไว้สัก 5 นาทีก่อน เพื่อให้สารเคมีละลายออกมาให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
5.หน่อไม้ดิบ และผักชีฝรั่ง
เนื่องจากในพืชสองชนิดนี้เป็นพืชที่มีความพิเศษมากกว่าพืชชนิดอื่น เพราะหน่อไม้ดิบและผักชีฝรั่งไม่ได้มีแค่สารอาหารที่เป็นประโยชน์ แต่ยังมีสารไซยาไนด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่ด้วย และสารตัวนี้จะมีความรุนแรงหากไม่ได้กำจัดด้วยวิธีที่ถูกต้องก่อน ดังนั้น หน่อไม้และผักชีฝรั่งจึงไม่นิยมกินแบบดิบๆกัน เพราะร่างกายจะรับสารพิษเข้าไปเต็มๆ โดยไซยาไนด์จะทำร้ายเราด้วยการเข้าไปจับกับเม็ดเลือดแดง ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และถึงตายได้เลย แต่ถ้ายังอยากรับประทานหน่อไม้หรือผักชีฝรั่งจริงๆแบบปลอดภัย ก็ต้องขับสารพิษเหล่านี้ออกไปให้ได้ก่อน ซึ่งวิธีที่เบสิกแต่ได้ผลที่สุด ก็คือ การต้มในน้ำเดือดเพื่อให้ความร้อนเป็นตัวช่วยขับไล่สารพิษเหล่านี้ออกไป เพียงเท่านี้ก็สามารถบริโภคได้อย่างสบายใจแล้ว
ไม่มีอะไรที่ดีที่สุด และไม่มีอะไรที่แย่ที่สุด การรับประทานอาหารที่หลากหลายจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุที่ครบถ้วนไปพร้อมๆกับการลดโอกาสการได้รับสารพิษที่มากเกินไป ถึงอย่างไรก็ตาม แค่เลือกก็ยังไม่พอ แต่ต้องอาศัยการล้าง การต้ม หรือการใช้วิธีการพิเศษเพื่อกำจัดสารพิษในแต่ชนิดผักหรือผลไม้ด้วย เพราะถ้าคุณไม่ได้ปลูกผักกินเอง คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอาหารเหล่านั้นปนเปื้อนสารพิษมากน้อยแค่ไหน และเมื่อไม่รู้ก็รับประทานไปแบบเต็มๆ
การพยายามสังเกตอาการของตัวเองก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะแม้ว่าผักจะเป็นอันตรายมากแค่ไหน หรือมีประโยชน์มากมายแบบสุดๆ ทุกอย่างล้วนไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล บางคนรับสารอาหารได้มาก แต่รับสารพิษได้น้อย แต่อีกคนกลับตรงข้าม เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลาย การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ห่วงใยในสุขภาพของตนเองก็ต้องไม่ลืมที่จะศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ เพราะคงไม่มีใครดูแลคุณได้ดีเท่ากับตัวของคุณเองแล้วละคะ รักตัวเองวันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีเวลาในการดูแลคนรอบข้างต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.สุขภาพน่ารู้.com/