ร่างกายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากไม่หมั่นสังเกต คุณอาจไม่รู้ว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงแข็งแรงขึ้น หรือย่ำแย่ลงสัญญาณเตือนต่อไปนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณหันมาทบทวน และปรับปรุงตัวเองก่อนที่ปัญหาเล็กๆ จะลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ 13 อาการสัญญาณก่อโรคมะเร็งควรรีไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังนี้
1. หายใจมีเสียงหวีดหรือหายใจไม่ทัน หนึ่งในอาการแรกของโรคมะเร็งปอดที่ผู้ป่วยนึกออกเมื่อมองย้อนกลับไปดูก็คืออาการหายใจไม่ทัน
2. ไอเรื้อรังหรือเจ็บหน้าอก มะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งปอดอาจทำให้มีอาการคล้ายกับไอเรื้อรังหรือหลอดลมอักเสบได้ แต่การไอของโรคมะเร็งจะมีความแตกต่างคือเป็นเรื้อรังหรือเป็นๆ หายๆ นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดบางรายยังมีอาการปวดหน้าอกที่ลามไปยังไหล่หรือแขนอีกด้วย
3. มีไข้หรือติดเชื้อบ่อย อาการนี้อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติและจะไปเบียดเบียนเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติ ทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค แพทย์มักตรวจพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวในผู้ใหญ่ที่ป่วยและมาพบแพทย์ซ้ำๆ ด้วยอาการไข้ ปวดเมื่อยตัว และอาการคล้ายไข้หวัดเป็นเวลานาน
4. กลืนลำบาก แม้อาการนี้จะสัมพันธ์กับมะเร็งในหลอดอาหารหรือลำคอที่สุด แต่บางครั้งอาการกลืนอาหารลำบากก็เป็นสัญญาณแรกของมะเร็งปอดได้เช่นกัน
5. ต่อมน้ำเหลืองโตหรือก้อนที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ ภาวะต่อมน้ำเหลืองโตบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในระบบน้ำเหลืองซึ่งอาจจะเป็นอาการของโรคมะเร็ง เป็นต้นว่า ก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตที่ใต้รักแร้อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเต้านม ขณะที่ก้อนที่ลำคอ รักแร้ หรือขาหนีบที่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
Advertisement
6. รอยฟกช้ำหรือเลือดออกไม่หยุด อาการนี้มักชี้ถึงความผิดปกติของเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดแดงซึ่งอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางรายพบรอยช้ำที่บริเวณแปลกๆ เช่น ตามนิ้วและมือ ทั้งยังมีรอยแดงที่ใบหน้า ลำคอ และหน้าอก หรือมีอาการเลือดออกที่เหงือก เนื่องจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้นจนไปเบียดเบียนเซลล์เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือด ทำให้ความสามารถในการนำส่งออกซิเจนและแข็งตัวของเลือดลดลง
7. ปวดท้องน้อยหรือปวดท้อง อาการปวดท้องน้อยเพียงอย่างเดียวอาจหมายถึงได้ทั้งภาวะพังผืดในมดลูก ซีสต์ในรังไข่ และความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์อื่นๆ แพทย์จึงมักไม่สงสัยเรื่องโรคมะเร็ง ดังนั้นคุณจึงควรขอให้แพทย์ตรวจร่างกายโดยละเอียด เนื่องจากอาการปวดและตะคริวที่ท้องน้อยหรือช่องท้องอาจเกิดร่วมกับอาการท้องอืดซึ่งเป็นอาการของโรคมะเร็งรังไข่ได้ นอกจากนี้การขยายตัวของม้ามในผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็อาจก่อให้เกิดอาการปวดท้องเช่นกัน
8. อาการเลือดออกที่ทวารหนักหรือถ่ายปนเลือด หลายคนอาจคิดว่าอาการถ่ายปนเลือดเป็นแค่ริดสีดวงเป็นอาการโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
9 . อาหารไม่ย่อยหรือปวดกระเพาะ อาจฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ช่วยให้แพทย์สั่งตรวจอัลตราซาวนด์และสามารถพบมะเร็งตับได้แต่เนิ่นๆ อีกทั้งอาการปวดเกร็งช่องท้องหรืออาหารไม่ย่อยเป็นประจำอาจแสดงถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
10. เต้านมบวม แดง หรือเจ็บ อาจบ่งชี้ถึงโรคมะเร็งเต้านมชนิดอักเสบ (inflammatory breast cancer) ซึ่งมีอาการบวม ร้อนที่เต้านม สีที่เปลี่ยนไปเป็นแดงหรือม่วงก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่ควรระวังไม่ต่างจากพบรอยบุ๋มคล้ายผิวส้มที่ผิวเต้านม นอกจากนี้โรคมะเร็งเต้านมชนิดอักเสบยังอาจก่อให้เกิดอาการอื่นๆ ที่หัวนม เช่น อาการคัน ผิวลอกเป็นแผ่น หรือแตกเป็นสะเก็ดได้อีกด้วย
11. ประจำเดือนมามากหรือปวดประจำเดือนผิดปกติ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย นี่คือสัญญาณของโรคมะเร็งที่เยื่อบุโพรงมดลูกหรือมดลูก หากคุณสงสัยว่าอาการประจำเดือนออกมากของคุณมีสาเหตุแอบแฝง ก็ลองขอให้แพทย์ทำอัลตราซาวนด์ผ่านช่องคลอดดูได้ค่ะ
12. อาการบวมที่ใบหน้า ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดบางรายมีอาการบวมหรือแดงที่ใบหน้า ซึ่งเป็นเพราะมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell lung cancer) มักจะไปกดเส้นเลือดแดงในหน้าอก ทำให้เลือดไหลเวียนจากศีรษะและใบหน้าไม่สะดวก
13. ความผิดปกติที่เล็บ จุดหรือเส้นสีดำใต้เล็บบ่งถึงอาการของโรคมะเร็งผิวหนัง ขณะที่อาการ “นิ้วปุ้ม” ซึ่งปลายนิ้วมือพองนูนและปลายเล็บงุ้มลงเข้าหานิ้ว อาจเป็นอาการของโรคปอด เล็บที่มีสีซีดหรือเปลี่ยนเป็นสีขาวอาจมีสาเหตุมาจากการทำงานของตับที่ลดลง ซึ่งอาจหมายถึงโรคมะเร็งตับได้
ขอขอบคุณhttps://www.sanook.com/