ถ้าคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง คุณต้องไม่ละเลยที่จะดูแลสิ่งสิ่งนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ความเป็นเพศหญิงของผู้หญิงทุกคน จุดซ่อนเร้น เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนห้ามละเลยเป็นอันขาด เพราะจุดๆนี้มีโอกาสและมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้หญิงได้รับอันตรายได้ หากคุณไม่เรียนรู้และพยายามป้องกันไม่ให้จุดซ่อนเร้นของคุณเกิดโรค
วิธีการในการดูแลจุดซ่อนเร้นของคุณผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นจุดอับที่มีโอกาสเกิดเชื้อราได้สูง และถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยๆ ที่สำคัญมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณเพียงคนเดียว แต่จุดซ่อนเร้นที่มีการร่วมเพศกับคู่นอนของคุณ อาจทำให้เกิดการถ่ายทอดโลกไปสู่บุคคลอื่นได้ด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อโรคอื่นๆตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา เชื้อเริม หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทุกๆโรคล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงไม่ต้องการ แล้วจะป้องกันมันได้อย่างไรบ้าง มาหาคำตอบกันได้เลย
หนึ่งในภาวะเสี่ยงที่คุณผู้หญิงมีโอกาสพบได้สูง ก็คือ การเกิดเชื้อราในช่องคลอด เชื้อราตัวนี้มีชื่อว่า แคดิดา แอลบิแคนส์ (Candida Albicans) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณผู้หญิงมีอาการคันในช่องคลอด รวมไปถึงจะมีอาการตกขาวตามมาด้วย
อาการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใดได้บ้าง หลายคนอาจจะยังไม่รู้หรือกำลังเข้าใจแบบผิดๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นจากการที่คุณผู้หญิงลืมดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี หรือปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่ชุดชั้นในที่ไม่สะอาดเพียงพอ หรือในบางครั้งแม้จะทำความสะอาดดีมากๆแล้ว แต่อาจจะลืมการตากให้แห้ง ซึ่งยังคงทำได้ไม่ดี ทำให้จุดซ่อนเร้นเกิดการอับชื้นและเกิดเป็นเชื้อราได้ง่ายขึ้น หรือบางคนอาจจะเลือกใส่ชุดชั้นในที่รัดตึงจนเกินไป เมื่อทำกิจกรรมต่างๆที่ต้องเคลื่อนไหวก็จะทำให้เกิดหยดเหงื่อและไปทำให้เกิดความชื้นในจุดซ่อนเร้นเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น ยิ่งคุณใส่ชุดชั้นในที่แน่นมากเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความชื้นมากเท่านั้น
นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะเป็นในเรื่องของการดูแลตัวเองที่เกี่ยวข้องกับสภาวะร่างกายเฉพาะบุคคล ยิ่งคุณมีภูมิต้านทานต่ำ กำลังป่วย หรือมีการรับประทานยาปฏิชีวนะนานๆรวมไปถึงผู้ป่วยที่ต้องทานยาสเตียรอยด์ หรือเป็นโรคเบาหวาน ก็จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อของจุดซ่อนเร้นมากกว่าผู้หญิงปกติทั่วไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการที่มีความเสี่ยงที่มากกว่า ก็ย่อมทำให้มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดมากขึ้นด้วย
ต่อมาลองมาติดตามอาการของการติดเชื้อในช่องคลอดกันบ้าง โดยเริ่มแรกมักจะสิ่งผิดปกติที่เรียกว่า ตกขาว ซึ่งอาจจะมีสีขาวหรือสีเหลืองก็ได้ ตกขาวเหล่านี้มักจะมีกลิ่นที่ผิดปกติ หรือมีกลิ่นที่รุนแรงกว่าการเกิดตกขาวโดยทั่วๆไป นอกจากนี้ ยังจะเกิดอาการระคายเคือง มีอาการคันบริเวณช่องคลอด ซึ่งนั่นคือสัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณเริ่มกำลังจะมีปัญหากับช่องคลอดแล้วละค่ะ
และเมื่ออาการที่กำลังเป็นอยู่ยังไม่ได้ถูกแก้ไข อาการก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในบางรายอาจจะมีอาการคัน ลามไปจนถึงบริเวณขาหนีบ และมีอาการแสบหรือคายเคืองอย่างรุนแรงได้ ส่วนในเวลาที่ต้องถ่ายปัสสาวะ ก็อาจจะรู้สึกแสบบริเวณช่องคลอดในเวลาที่ปัสสาวะไหลผ่านได้
เมื่อไม่อยากให้ปัญหาเกิดก็ต้องหาวิธีการป้องกันให้เหมาะสม ซึ่งมีหลากหลายวิธีการตั้งแต่ง่ายไปหายากที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสี่ยงต่ออาการที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้
เริ่มจากอาหารการกินก่อนเลย การรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกำแพงป้องกันโรคที่ดี ก็คือ การรับประทานโยเกิร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพราะในโยเกิร์ตจะมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพ สามารถเพิ่มปริมาณแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอดได้ หรือจะหันไปรับประทานอาหารจำพวกแป้งน้ำตาลต่ำ ย่อยยาก เช่น ข้าวกล้องซ้อมมือ ธัญพืชโฮลเกรน ก็ดีต่อสุขภาพเช่นกัน ส่วนใครที่แพ้อาหารก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่จะส่งผลให้เกิดภาวะแพ้ เพราะจะทำให้อาการของโรคแย่ลงได้
ต่อกันด้วยเรื่องของอารมณ์ ที่ต้องผ่อนบ้าง หมั่นคลายความเครียดอยู่เสมอ ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ต้องผ่อนเช่นกัน หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงชั้นในที่อึดอัด หรือแน่นเกินพอดี แต่ให้เน้นการสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี โปร่ง โล่งสบาย จะช่วยให้ป้องกันโรคต่างๆเหล่านี้ได้มากกว่า
สำหรับใครที่คิดจะหาตัวช่วย และกำลังคิดว่าการล้างด้วยน้ำยาพิเศษให้สะอาดสุดๆน่าจะช่วยได้ คุณต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วละค่ะ เพราะการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ดีที่สุดควรใช้เพียงแค่น้ำสะอาดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆใดให้เกิดความระคายเคืองเพิ่มเติม หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ที่ยากจะแก้ไขเลย
การพยายามปฏิบัติตัวให้เหมาะสมเป็นเรื่องที่ยาก แต่เชื่อแน่ว่าทุกคนสามารถทำได้ เลือกอาหารที่ดี กินดี อยู่ดี ดูแลตัวเองดีๆ ไม่คิดมาก นอกจากจุดซ่อนเร้นจะปลอดภัยแล้ว สุขภาพส่วนอื่นๆก็พลอยดีตามไปด้วย โรคภัยไข้เจ็บก็คงจะไม่ถามหาคุณอีกอย่างแน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.สุขภาพน่ารู้.com/