งูสวัด

โรคงูสวัด ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไข!

Views

รคงูสวัดคืออะไร?

 โรคงูสวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลังจากที่ผู้ป่วยหายจากโรคอีสุกอีใส เชื้อไวรัสจะยังฝังตัวอยู่บริเวณปมประสาท เมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอ มีภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้อไวรัสนี้จะเดินทางผ่านตามเส้นประสาทไปยังผิวหนัง ก่อให้เกิดผื่น คัน และความเจ็บปวดเหมือนถูกไฟไหม้/น้ำร้อนลวก  อาการอื่นที่อาจมีร่วมได้ เช่น ไข้ ปวดศีรษะ หรือการมองเห็นผิดปกติไป

อาการแทรกซ้อนของโรคงูสวัดมีอะไรบ้าง?

              อาการแทรกซ้อนที่พบได้มากหลังเกิดโรคงูสวัด คือ อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด (postherpetic neuralgia, PHN) พบอาการปวดในบริเวณที่เป็นผื่นจากโรคงูสวัด ถึงแม้ว่าผื่นนั้นจะหายไปแล้ว แต่อาการปวดจะยังคงอยู่และอาจมีอาการปวดมาก แต่ทั้งนี้อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดอยู่นานเป็นปี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ท่านสามารถติดโรคงูสวัดจากผู้อื่นได้หรือไม่?

โรคงูสวัด เป็นโรคติดต่อทางการสัมผัส เนื่องจากในแผลที่มีตุ่มน้ำใสนั้น ยังสามารถพบเชื้อไวรัสได้ จึงสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ โรคนี้สามารถเกิดในทุกช่วงวัย แต่บางคนอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้มากกว่าคนอื่น เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น

โรคงูสวัดสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง?

              โรคงูสวัด สามารถป้องกันได้ ด้วยการปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ อีกทั้งในปัจจุบัน มีวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดโรคงูสวัด โดยท่านสามารถเข้ามารับคำปรึกษาและรับวัคซีนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาล

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดคืออะไร?

              ในประเทศไทยมีวัคซีนป้องการโรคงูสวัดเพียงชนิดเดียว ได้แก่วัคซีนที่เตรียมจากเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ ชนิดที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง

              จากการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยละ 69.8 และยังสามารถป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนคือ อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดได้ถึงร้อยละ 66.5 โดยทั่วไปจะฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพียงเข็มเดียว ข้อมูลจากการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันโรคจะอยู่ได้นานถึง 10 ปี และในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดกระตุ้นของวัคซีนนี้ โดยภูมิคุ้มกันจะขึ้นเต็มที่หลังฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์

ใครควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด?

              ทุกคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถรับวัคซีนนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีประวัติการเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เนื่องด้วยอายุที่มากขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคงูสวัดและอาการแทรกซ้อนจากโรคงูสวัด

              โดยท่านสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลก่อนการรับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนนี้มีข้อจำกัดในผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคซีน รวมถึงเจลาติน หรือผู้ที่มีประวัติแพ้ยานีโอมัยซินอย่างเฉียบพลัน (Anaphylactic/Anaphylactoid) หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคอื่นๆ ที่มีผลต่อการทำงานของไขกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากโรคเอดส์และผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกันชนิดต่างๆ  เป็นต้น

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดมีอะไรบ้าง?

              โดยทั่วไปมักไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงที่รุนแรง อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ ปวด บวม แดง บริเวณที่ได้รับการฉีดยา

หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอขอบคุณข้อมูล:bumrungrad.com

Leave a Reply