มาทำความรู้จัก “โรคแพ้ภูมิตัวเอง”
หรือที่เรามักรู้จักกันในชื่อ โรคพุ่มพวง
จะอันตรายและน่ากลัวแค่ไหน ตามมาดูกัน
โรคแพ้ภูมิตัวเองคืออะไร?
โรคแพ้ภูมิตัวเองนับว่าเป็นโรคแปลกประหลาดโรคหนึ่ง เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสเกิดความผิดปกติขึ้นได้กับทุกๆ ระบบ และทุก ๆ อวัยวะของร่างกายซึ่งโรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย เฉลี่ยอายุ ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 10 เท่า ซึ่งพบว่าจะพบมากในปู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย
จะสังเกตอาการด้วยตนเองอย่างไร?
1.มีผื่นหรือฝ้าแดงขึ้นที่ข้างจมูกทั้งสองข้างเหมือนปีกผีเสื้อ
2. แพ้แสงแดด มีแผลในช่องปากและเพดานปาก
3. ผมร่วง ผมบางโดยไม่ทราบสาเหตุ
4. กล้ามเนื้ออ่อนแรง
5. ชัก เกร็ง มีไข้ อ่อนเพลีย
6. มีผื่นดำคล้ายแผลเป็นตามใบหู รูหู หนังศีรษะและบริเวณศอก
7. อาจมีอาการบวม ๆ ยุบ ๆ ตามหนังตา ขา เท้าหรือมือ
8. เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ โลหิตจาง
9. ตรวจพบผลบวกของซิฟิลิสในเลือด
10. มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
11. อาจจะอาการเจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้าลึก ๆ
การวินิจฉัยโรคแพ้ภูมิตัวเอง
ผู้ป่วยควรมีจำนวนข้อที่เข้าข่ายโรคอย่างน้อย 4 ข้อหรือมากกว่า จากจำนวนทั้งหมด 11 ข้อเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติในหลายระบบ เกณฑ์วินิจฉัยดังกล่าวให้ความไวในการวินิจฉัยโรค SLE ร้อยละ 96 และมีความแม่นยำร้อยละ 96 หรือในบางรายจะต้องอาศัยประวัติการตรวจร่างกาย และการตรวจเลือดร่วมด้วย
โรคนี้จะเป็นไปนานแค่ไหน?
โรคเอสแอลอีไม่สามารรักษาให้หายขาดได้ อาการแสดงของโรคแพ้ภูมิตัวเองสามารถเป็นน้อย ๆ หรือมีผิวหนังเป็นปกติหากได้รับการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง จากหลาย ๆ ปัจจัยจะพบว่า การขาดยา การติดเชื้อ ความเครียด และแสงแดด สามารกระตุ้นทำให้โรคแพ้ภูมิตัวเองแย่ลงได้ ซึ่งเรียกว่าการกำเริบของ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) นั่นเองค่ะ
ขอขอบคุณ:novavida.co.th