แม้สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 จะเริ่มคลี่คลายลง การปลด Lock Down อาจทำให้ผู้คนสามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติกันมากขึ้น แต่ก็ยังต้องอยู่ภายใต้ข้อปฏิบัติและมาตรการที่เข้มงวดทางสังคมที่จะต้องทำร่วมกัน หรือที่เรียกว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบ New Normal เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดครั้งใหม่เกิดขึ้น
ซึ่งการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบกระทันหันนั้น ได้ส่งผลกระทบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา โดยเฉพาะผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ที่หากเราไม่รู้จักวิธีรับมืออย่างถูกวิธี ในระยะยาวอาจสร้างบาดแผลทางจิตใจ ส่งผลให้เกิดเป็นโรคทางจิตเวชต่าง ๆ ตามมาได้ วันนี้รามาแชนแนลจึงได้รวบรวมวิธีการรับมือกับสภาพจิตใจให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตมาให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน ดังนี้
- มีสติและอยู่กับปัจจุบัน
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นสิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งสติ ทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้นั้น เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ควรกลับมาอยู่กับปัจจุบัน รู้ทันและเปิดรับการมีอยู่ของอารมณ์ความรู้สึก เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มักจะมีความคิดที่เป็นกังวลเกิดขึ้นมาเสมอ ดังนั้นการมีสติ เข้าใจตัวเอง กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามา และดูว่ามีอะไรที่เราสามารถทำได้บ้าง คือวิธีรับมือที่ดีที่สุด
- ค้นพบตัวตนในมุมใหม่
หลายคนอาจจะมองว่าช่วงนี้มีเวลาว่างและอยู่กับตัวเองมากเกินไปจนจิตใจห่อเหี่ยว ไม่ค่อยได้ออกไปพบปะเพื่อนฝูงเหมือนเมื่อก่อน แต่จริง ๆ แล้วการได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นนั้น อาจทำให้เราพบเห็นตัวเองในมุมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น จากที่ทำอาหารไม่เป็น ก็ค้นพบว่าตัวเองสามารถทำอาหารได้อร่อย แถมยังเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หรือบางคนที่เคยคิดว่าตัวเองลดน้ำหนักไม่ได้ ก็ใช้ช่วงเวลานี้ซุ่มฟิตหุ่นออกกำลังกาย เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นทั้งรูปร่าง สุขภาพ และจิตใจ
- ติดตามข่าวสารแต่พอดี
การเสพข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 ยังเป็นเรื่องจำเป็น แต่การรับรู้ข้อมูลมากเกินไปอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลได้ ดังนั้นควรติดตามข่าวสารแต่พอดีเพื่อป้องกันการเสพสื่อมากเกินจนรู้สึกแพนิก และเลือกเสพเฉพาะแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น หน่วยงานรัฐบาล และองค์กรด้านสาธารณสุข ไม่ส่งต่อข่าวที่ได้รับมาจากในแชทแอปพลิเคชัน เนื่องจากมีโอกาสเป็น Fake News สูง
- ส่งต่อพลังใจที่สร้างสรรค์
แม้จะต้องเว้นระยะห่างทางสังคมหรือปรับพฤติกรรมการชีวิตให้เป็นแบบ New Normal แต่เราก็ยังสามารถดูแลและใส่ใจคนรอบข้างได้ ด้วยการพูดคุยกับเพื่อน ๆ ผ่านแชทแอปพลิเคชัน Video Call ฯลฯ ได้ตามปกติ หรือหากเดินผ่านก็ส่งรอยยิ้ม ทักทายกัน โดยแนะนำว่าให้พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึง COVID-19 และเปลี่ยนไปคุยกันในเรื่องทั่วไป ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของคนรอบข้างบ้าง แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สิ่งเหล่านี้จะช่วยคลายความรู้สึกโดดเดี่ยวและบรรเทาจากความเครียดของตัวเราเองและคนรอบข้างได้
- ปรึกษาจิตแพทย์
แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้หลายคนอาจจะต้องเผชิญกับความเครียดซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นของแต่ละคนนั้น มีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน คนทั่วไปอาจจะใช้เวลาในการปรับตัวไม่นาน แต่คนที่มีปัญหารุมเร้า ได้รับผลกระทบเยอะจนจัดการกับความเครียดได้ไม่ดีพอ หรือผู้ที่มีอาการทางจิตเวช อาจจำเป็นต้องเข้ารับการปรึกษาและพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการปรึกษาจิตแพทย์นั้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสุขภาพจิตได้อย่างถูกวิธีแล้ว ยังทำให้เรารับมือกับปัญหาอื่น ๆ ได้ดีขึ้นด้วย
ข้อมูลโดย อ. นพ.กานต์ จำรูญโรจน์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล